*หยุดยิงในยูเครน/UNห้ามจ่ายเงินซื้อน้ำมัน-วัตถุโบราณกลุ่มISIS/โอบามาโฆษณาชวนคนอเมริกันทำประกันสุขภาพ*

13 กุมภาพันธ์ 2558, 05:52น.


*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.



++++ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแถลงว่า การหยุดยิงจะเริ่มขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครนตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ระบุว่าที่ประชุมเห็นตรงกันในประเด็นหลักๆหลายข้อ รวมถึงการกำหนดพื้นที่ที่จะต้องมีการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกไป ด้านตัวแทนฝ่ายกบฏเห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว เขาพูดเรื่องนี้หลังการประชุม 17 ชั่วโมงตั้่งแต่เมื่อคืนวานนี้ ร่วมกับประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชงโก ของยูเครน ประธานาธิบดีฟรองซัวร์ ออลลองด์จากฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี แม้ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน จะเตือนว่าการนำแผนนี้ไปบังคับใช้ไม่ใช้เรื่องง่าย ด้านผู้นำฝรั่งเศส กล่าวว่าครั้งนี้เป็นข้อตกลงที่จริงจัง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เสนอในที่ประชุมจะเห็นตรงกันเสียทั้งหมด สำหรับเหตุรุนแรงในยูเครนตั้งแต่เดือนเมษายนปีก่อน มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 5,400 คน





+++ข่าวการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 110.24 จุด หรือ  ปิดที่ 17,972.38 ส่วนราคาน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น กว่า 2 เหรียญเมื่อคืนนี้ ไลท์สวีทครูซ ตลาดนิวยอร์ค เพิ่มขึ้น 2.50 เหรียญสหรัฐ ที่ 51.34 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนเบรนท์ ทะเลเหนือ ปรับเพิ่มขึ้น 2.39 เหรียญสหรัฐ ที่ 57.05 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  ด้านราคาทองคำ โคเม็กซ์ ปิดไม่เปลี่ยนแปลง 1,220.70 เหรียญ ต่อ ออนซ์



+++คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีมติที่มีเป้าหมายปิดกั้นเส้นทางรายได้ของพวกนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) ผ่านการลอบขายน้ำมัน โบราณวัตถุและเรียกร้องนานาชาติอย่าจ่ายเงินค่าไถ่ตามคำข่มขู่ของพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้     มาตรการนี้เรียกร้องให้ลงโทษบุคคลหรือองค์กรใดก็ตามที่ซื้อขายน้ำมันกับไอเอสและเครือข่ายต่างๆของอัลกออิดะห์ อย่างเช่นกลุ่มอัล-นุสรา ฟรอนต์ ในซีเรีย นอกจากนี้ทางคณะมนตรีฯยังขอให้สมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศ ใช้มาตรการต่างๆที่เหมาะสมในการป้องกันการค้าขายทรัพย์สินทางวัฒนธรรมจากอิรักและซีเรียด้วย มตินี้ยังเตือนรัฐบาลต่างๆทั่วโลกว่าพวกเขาต้องขัดขวางไม่ให้พวกก่อการร้ายได้ประโยชน์ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมจากการเรียกค่าไถ่หรือยินยอมทางการเมืองใดๆเพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน



+++นายนิโคลัส ราสมุสเซน ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามก่อการร้ายแห่งชาติสหรัฐฯเตือนว่า กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ใช้สื่อออนไลน์เพื่อการโฆษณาชวนเชื่อมากขึ้น พร้อมย้ำความจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มมาตรการเฝ้าระวังสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์อื่นๆให้มากขึ้น เขาชี้แจ้งเรื่องนี้ต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงภายในของสภาคองเกรสสหรัฐฯแสดงความเป็นกังวลว่ามีชาวต่างชาติกว่า 2 หมื่นคนจากกว่า 90 ประเทศเดินทางไปยังซีเรียเพื่อร่วมการสู้รบ รวมถึง 3,400 คนจากสหรัฐฯและชาติตะวันตกอื่นๆ



+++นายยูอิจิ ซูกิโมโตะ ช่างภาพและนักข่าวอิสระชาวญี่ปุ่น วัย 58 ปี ได้วิจารณ์รัฐบาลกรณีที่รัฐบาลสั่งยึดหนังสือเดินทางของเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเดินทางไปยังซีเรีย ระบุว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากในอนาคต ก่อนหน้านี้ นายซูกิโมโตะวางแผนจะเดินทางไปยังซีเรีย ซึ่งกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ได้ยึดหลายพื้นที่และจับชาวต่างชาติเป็นตัวประกัน การสูญเสียหนังสือเดินทางไปเหมือนกับการตกงาน เกระทบต่อหน้าที่การงานของเขา ขัดขวางเสรีภาพของสื่อมวลชน  เตรียมฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้มีการคืนหนังสือเดินทาง



+++ทีมกู้ภัยไต้หวันสามารถเก็บกู้ศพผู้โดยสารคนสุดท้ายได้แล้วในวานนี้ หลังเหตุเที่ยวบินจีอี 235 ของทรานส์เอเชีย แอร์เวย์ของไต้หวันตกเมื่อสัปดาห์ก่อน มีคนเสียชีวิตรวม 43 คน ในอุบัติเหตุครั้งที่สองของสายการบินนี้ในรอบ 7 เดือน ศพรายสุดท้ายนี้เป็นร่างของนายเฉิน เรนไต ชาวจีน ถูกพบในสภาพติดอยู่กับที่นั่งห่าง 3 กิโลเมตรจากจุดที่เครื่องบินตกในแม่น้ำคีหลุงในกรุงไทเป ด้านทรานส์เอเชียระบุว่าจะยกเลิกเที่ยวบินอีก 44 เที่ยวในวันศุกร์นี้หลังนักบิน 10 คนของสายการบินถูกห้ามบินชั่วคราวระหว่างเข้ารับการอบรมการบินเพิ่มเติม หลังไม่ผ่านการทดสอบทักษะการบินที่สำนักงานการบินพลเรือนของไต้หวันจัดขึ้นหลังอุบัติเหตุ ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักบินอาจจะทำให้เครื่องบินตกโดยการปิดเครื่องยนต์ผิด ส่วนเรื่องการจ่ายค่าทดแทน สายการบินกล่าวว่าจะจ่ายค่าทดแทนให้แก่ครอบครัวศพละ 14.9 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 15.40 ล้านบาท หรือเท่ากับค่าชดเชยที่บริษัทฯจ่ายให้แก่ครอบครัวผู้โดยสาร 48 คนที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกอีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อเดือนกรกฏาคมปีก่อน





++++ศาลเกาหลีใต้สั่งจำคุก 1 ปีสำหรับนางโช ฮยอนฮา วัย 40 ปี อดีตรองประธานสายการบินโคเรียนแอร์ สายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้ จากความผิดฐานละเมิดกฏหมายการบินที่สืบเนื่องจากกรณีการเสิร์ฟถั่วที่เอื้อฉาว การขู่ตะคอกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และการแทรกแซงการทำงานของพนักงานสอบสวน สำหรับโทษขั้นสูงสุดในคดีนี้คือ จำคุก 10 ปี



+++ศาลประชาชนกลางเมืองหางโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน มีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิต นายเปา ไหลซือ วัย 34 ปี ที่ก่อเหตุราดทินเนอร์และจุดไฟเผารถโดยสาร ในช่วงบ่ายของวันที่ 5 ก.ค. ปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 33 คน ในจำนวนนี้ 20 คน อาการสาหัส โดยเหยื่อ 2 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขณะที่ตัวนายเปาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เท้าทั้ง 2 ข้างถูกตัด และต้องมาขึ้นศาลในสภาพที่นอนอยู่บนเตียงรถเข็น อัยการชี้ว่าเหตุที่เกิดขึ้น เป็นอาชญากรรมที่แสดงถึงพฤติกรรมต่อต้านสังคมอย่างสุดขั้ว โดยเหยื่อที่เด็กที่สุดมีอายุเพียง 7 ปี อย่างไรก็ตาม การลงโทษประหารชีวิตยังคงต้องผ่านการพิจารณาจากศาลสูงอีกขั้นหนึ่ง แต่ไม่มีรายงานว่านายเปาจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่



+++เจ้าหน้าที่การแพทย์ในเมืองโยธะปุระ ในรัฐราชสถาน ทางตะวันตกของอินเดีย เผย นักท่องเที่ยวหญิงชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 70 ปี ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช1เอ็น1 หลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการไข้โดยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเดินทางมายังราชสถานพร้อมด้วยนักท่องเที่ยวคนอื่นในกลุ่มอีกจำนวนหนึ่ง นับตั้งแต่ต้นปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไข้หวัดหมูในประเทศแล้ว 407 ราย ในจำนวนนี้ กว่าครึ่งเสียชีวิตในช่วง 10 วันแรกของเดือน ก.พ. และยังมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 5,000 ราย



+++ การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ใช่แค่ออกคำสั่งโจมตีทางอากาศและเรียกประชุมฉุกเฉิน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องมีอารมณ์ขันบ้าง เมื่อวิดีโอที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(12) เป็นคลิปที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำลังส่องกระจกและถ่ายเซลฟีในอริยาบถน่าขบขัน ส่วนหนึ่งในแผนรณงค์โครงการประกันสุขภาพของผู้นำรายนี้  โอบามา กำลังอยู่หน้ากระจก แลบลิ้น ก่อนเต๊ะท่าสวมแว่นกันแดด ถ่ายรูปโดยใช้ไม้เซลฟีและพยายามพูดออกเสียงคำว่า "February”  คลิปสนุกสนานร่าเริงความยาว 2 นาทีนี้มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.6 ล้านวิวทั้งที่เพิ่งโพสต์ในเวลาอันสั้น ขณะที่มันเรียกทั้งเสียงชื่นชมและถากถางบนสื่อสังคมออนไลน์ "รู้สึกดีที่เห็นแบบนี้ แม้กระจกของประธานาธิบดีจะดูสกปรกไปหน่อย ดูมีอารมณ์ขันดี" เทริ จาค็อบส์ เขียนบนเฟซบุ๊ก แต่ เจฟฟ์ มอร์ริส ผู้ใช้สื่อออนไลน์อีกคน โพสต์สบถว่า "ประธานาธิบดีที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย"



+++บ็อบ ไซมอน จัดรายการ 60 Minutes ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ยาวนานถึงเกือบ 20 ปี เสียชีวิต จากอุบัติเหตุรถยนต์ บนถนนหลวง เวสต์ ไซต์ ไฮเวย์ ในเขตแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ด้วยวัย 73  ไซมอน ยังดำเนินรายการด้วยความกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ดวงตาทั้งสองยังฉายแววมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวเสมอ สมกับเป็นคนข่าว อยู่กับข่าว คลุกคลีกับข่าว และทำข่าวมาเกือบทั้งชีวิต นานนับครึ่งศตวรรษ ไซมอน เกิดในครอบครัวชาวอเมริกัน เชื้อสายยิว ที่เมืองบรอนซ์ รัฐนิวยอร์ก ในประเทศสหรัฐฯ​ เมื่อปี 2484 ผ่านการทำข่าววิกฤตการณ์ ,สงครามกลางเมือง ,ความขัดแย้ง และภัยพิบัติทางธรรมชาติฯ เขาเดินทางไปทำข่าวในประเทศต่างๆ มาแล้วกว่า 80 ประเทศ ถูกทหารอิรักจับกุมตัว เมื่อตอนเข้าไปทำข่าวสงครามอ่าวเปอร์เซีย โดยไซมอน และเพื่อนร่วมงานอีก 3 คน ต้องโดนจับขังคุกอยู่ในอิรักนานถึง 40 วัน เมื่อปี 2534 ซึ่งประสบการณ์อันโหดร้ายชนิดไม่มีวันลืมครั้งนั้น ทำให้เขานำมาเขียนบอกเล่าลงในหนังสือ ‘Forty Day’(40 วัน)





 

ข่าวทั้งหมด

X