การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ล็อกดาวน์จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ส.ค. 2564 คำถามว่าหลังล็อกดาวน์จะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้ ได้มีรายงานที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ หลังจากนี้ตั้งแต่ ก.ย.จนถึงปลายปีและปีหน้า หากจะเปิดให้ประชาชนคลายล็อกกิจกรรมต่างๆ ต้องมีอะไรบ้าง หลักๆ คือ
1. ฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนตามแผน
2. ตรวจคัดกรองตามจุดเสี่ยงต่างๆอย่างเข้มงวด และใช้ชุดตรวจโควิดอย่างง่าย คือ ATK
3. ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการทำมาตรการต่างๆ อย่างที่เรียกว่า Universal Prevention ต้องทำอย่างไร
นอกจากนั้น ยังเตรียมขยายประเด็นเพิ่มเติม คือ D-M-H-T-T และ มาตรการบับเบิลแอนด์ซีล รวมทั้งการประเมินมาตรการสาธารณสุขในการดูแลรักษาผู้ป่วยว่า ต้องมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ จะต้องเป็นอย่างไร เป็นต้น ซึ่งต้องใช้กลยุทธ์และมาตรการหลายส่วนประกอบกัน
โดยหลังวันที่ 31 ส.ค. จะมีการประเมินอีกครั้งว่าจะผ่อนคลายหรือเปิดประเทศอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินเป็นระยะ ทั้งเรื่องสถานการณ์และมาตรการต่างๆ และทุกเรื่องต้องรายงานเสนอ ศปก.ศบค.ให้เห็นชอบต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับรายละเอียดมาตรการข้อกำหนดต่างๆ เป็นอย่างไรขอให้นำเข้า ศปก.ศบค.ให้ทราบก่อน แต่จะมีแนวกำหนดไว้ ทั้งการฉีดวัคซีนปริมาณเท่าไหร่อย่างไร ขอนำ เสนอศปก.ศบค.ก่อน
สำหรับการเปิดประเทศเป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน นพ.โอภาส กล่าวว่า ไม่ได้หมายถึงการเปิดทั้งประเทศ แต่จะเป็นพื้นที่ เช่น ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดังนั้น เป้าหมาย 120 วัน กระทรวงสาธารณสุข ยังรับนโยบายท่านนายกฯ แต่ก็ต้องพิจารณา เพราะยังมีตัวแปรที่ต้องพิจารณาอีกเยอะ เช่น ช่วงประกาศนโยบายเปิดประเทศ 120 วันยังไม่มีเดลตามาระบาด ซึ่งหลายประเทศเมื่อเจอสายพันธุ์นี้ก็มีการติดเชื้อใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังต้องอยู่ในการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
สำหรับการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติวันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์โรคโควิดในไทย โดยเฉพาะในช่วง 4 สัปดาห์นี้ แนวโน้มยังมีผู้ป่วยสูงแต่คงตัว แต่มีแนวโน้มเริ่มลดลง จากจุดสูงสุด 23,000 คน เหลือ 17,000 คน และรักษาหายมากกว่า 22,000 คน เนื่องจาก มาตรการต่างๆ ทั้งรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่แดงเข้ม รวมถึงการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK และรักษาที่บ้าน รวมทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในกลุ่มเสี่ยง ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 5-6 แสนโดส ขณะนี้ฉีดแล้ว 27 ล้านโดส และผู้ที่รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มคิดเป็นร้อยละ 28