*รมว.อุตสาหกรรม รับปากแก้ไขปัญหาชาวไร่อ้อยจ.สระแก้ว ไม่ได้รับความธรรม*

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ที่มี นาย พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ยมีวาระการตั้งกระทู้ถามทั่วไป ว่าด้วยเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อย จังหวัดสระแก้ว ที่นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ เป็นผู้ตั้งถาม นาย จักรมณฑ์ ผาสุกวณิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  นาย มหรรณพ ระบุว่า ได้รับร้องเรียนจากชาวไร่อ้อยจ.สระแก้วที่ปลูกอ้อยได้กว่า 4,600,000ตันต่อปีว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายอ้อยจากโรงงานน้ำตาลจ.สระแก้ว ซึ่งมีการกำหนดราคา กติกาต่างๆที่เอาเปรียบชาวไร่อ้อย และมีลักษณะผูกขาดการซื้ออ้อย เนื่องจากจ.สระแก้วมีโรงงานน้ำตาลตั้งอยู่โรงงานเดียว ตามกฎหมายที่กำหนดให้มีหลักเกณฑ์การตั้งโรงงานห่างกันอย่างน้อย 80 กิโลเมตร ซึ่งจากการศึกษาของตัวเองและคณะพบว่า การจัดตั้งโรงงานดังกล่าวมีการเลือกปฎิบัติโดยไม่อนุญาตให้โรงงานอื่นเข้ามาจัดตั้งในจังหวัด ทั้งที่หลักกฎหมายดังกล่าวมีการอนุโลมและไม่ได้บังคับให้ต้องตั้งโรงงานห่างกัน 80 กิโลเมตรโดยตลอด อีกทั้งจากคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่ชาวไร่อ้อยยื่นฟ้องก็ได้พิพากษาให้เพิกถอนหลักเกณฑ์การจัดตั้งโรงงานห่างกัน 80 กิโลเมตรแล้ว  จึงอยากถามกระทรวงอุตสาหกรรมจะเพิกถอนหลักเกณฑ์นี้โดยไม่จำเป็นต้องรอคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุดที่กระทรวงยื่นอุทธรณ์ไปได้หรือไม่ และกระทรวงฯจะมีมาตรการอย่างไรในการแก้ไขปัญหา

ขณะที่ นาย จักรมณฑ์ ระบุว่า เมื่อยื่นอุทธรณ์แล้วก็ขอให้คดีถึงที่สุดและรอคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุดก่อน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปรับใช้กับประชาชน  ส่วนการแก้ไขความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย จะเร่งแก้ไขประกาศกระทรวงให้จัดตั้งโรงงานน้ำตาลโดยให้มีรัศมีห่างกัน 60 กิโลเมตรภายในไม่เกิน 90 วันจากนี้ เพื่อให้โรงงานน้ำตาลอื่นมีสิทธิจัดตั้งโรงงานในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ดี นาย มหรรณพ ระบุว่า  หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้เพิกถอนหลักเกณฑ์นี้ จะมีแนวทางการรับผิดชอบและชดเชยความเสียหายในฐานะที่นาย จักรมณฑ์ เป็นผู้ร่างกฎดังกล่าวต่อชาวไร่อ้อยอย่างไร   นาย จักรมณฑ์ ตอบว่า  จะเร่งแก้กฎกระทรวงให้ขยายพื้นที่ปลูกอ้อยให้มากขึ้นและลดขั้นตอนพิจารณาอนุญาตจัดตั้งโรงงานน้ำตาลเพื่อให้จัดตั้งโรงงานได้ไวขึ้น หลังจากปัจจุบันต้องใช้เวลาหลายปีถึงอาจจะออกใบอนุญาตจัดตั้งได้ ทั้งนี้ต้องดูข้อจำกัดต่างๆในพื้นที่ควบคุมไปด้วย

จากนั้น ที่ประชุมสนช. ยังได้ลงมติวาระ 3 เห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. เป็นกฎหมาย ด้วยคะเเนนเสียงเห็นด้วย 182 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 5 เสียง