นางโนอา เอเลียคิมราซ หัวหน้าแผนกป้องกันโรคโควิด-19 ประจำศูนย์การแพทย์ของเมืองเปตะห์ติกวา(Petach Tikva)ทางภาคกลางของอิสราเอล เปิดเผยว่า แพทย์อิสราเอลทำการวิจัยจากการรวบรวมข้อมูลคนไข้โควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆของอิสราเอลเพื่อดูว่า มีคนไข้ที่รับวัคซีนครบแล้วติดโรคโควิด-19 ในภายหลัง และเจ็บป่วยหนักถึงขนาดต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือไม่ หลังหลายฝ่ายกังวลว่า หลังฉีดวัคซีนไปสักระยะหนึ่ง ประสิทธิภาพของวัคซีนจะค่อยๆลดลง จะทำให้คนไข้ที่รับวัคซีนแล้วเสี่ยงติดเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ เช่น เดลตา
แพทย์อิสราเอลพบว่า จากประชากร 5.4 ล้านคนของอิสราเอลที่รับวัคซีนไฟเซอร์ครบแล้ว มีคนไข้ 600 คนกลับมาติดโรคโควิด-19 ในภายหลัง ในจำนวนนี้ มี 300 คนที่เจ็บป่วยหนักถึง ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยคนไข้ส่วนใหญ่รับวัคซีนครบโดสเมื่อ 5 เดือนก่อน ส่วนใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป และป่วยเรื้อรังด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน,โรคหัวใจ,โรคปอด,โรคมะเร็งและโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งแพทย์จะต้องให้ยาประเภทกดภูมิคุ้มกัน เช่น ยาสเตียรอยด์
ทั้งนี้ คนไข้กลุ่มดังกล่าวนี้ เป็นประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกเริ่มถกเถียงว่า ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรส่วนใหญ่ครบเสร็จสิ้นแล้ว เช่น อิสราเอล ควรจะเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ต่อไปหรือไม่ หรือควรอนุญาตให้ประชาชนกลุ่มใดเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ต่อมาอิสราเอลเริ่มขยายสิทธิ์การรับวัคซีนให้กลุ่มประชากรต่ำกว่า 60 ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งใช้ผลวิจัยจากอิสราเอลและผลวิจัยอื่นๆด้วยระบุเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐฯจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับชาวอเมริกันนับตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ส่วนประเทศอื่นๆเช่น ฝรั่งเศสและเยอรมนี ยังจำกัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้เฉพาะผู้สูงอายุและคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ด้านองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ประเทศต่างๆระงับโครงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ไว้ก่อน ขอให้ประเทศร่ำรวยที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรส่วนใหญ่แล้ว บริจาควัคซีนให้กับประเทศยากจนซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแม้แต่เข็มเดียว
Cr: reuters, straits times