กลุ่มสิทธิมนุษยชนแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า กลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถานมีการทรมานและสังหารหมู่สมาชิกกลุ่มน้อยฮาซาราอย่างทารุณ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่จังหวัดกัซนี
นับตั้งแต่กลุ่มตอลิบานเข้ายึดครองกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานเมื่อวันอาทิตย์ (15 ส.ค.) กลุ่มได้ยืนยันว่าคณะผู้ปกครองของตอลิบานในปัจจุบันมีความแตกต่างจากอดีต แต่แอมเนสตี้ โต้แย้งว่า การปกครองของกลุ่มตอลิบานยังเป็นความน่ากลัว
ชุมชนฮาซารา เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอัฟกานิสถาน ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ และต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและการกดขี่ข่มเหงภายใต้ผู้ปกครองที่เป็นซุนนีทั้งในอัฟกานิสถานและปากีสถาน
โดยในรายงานของแอมเนสตี้ ระบุว่า ชายฮาซารา 9 คนถูกสังหารระหว่างวันที่ 4 ถึง 6 กรกฎาคม ในเขตมาลิสตาน จังหวัดกัซนีที่อยู่ทางตะวันออก ตามคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์และภาพถ่ายผู้เสียชีวิต ซึ่งชาวบ้านเล่าว่าเมื่อการสู้รบระหว่างกองกำลังของรัฐบาลกับนักรบตอลิบานรุนแรงขึ้น พวกเขาจึงหลบหนีไปที่ภูเขา หลังจากนั้นก็มีบางคนที่กลับมาที่หมู่บ้านเพื่อนำอาหารกลับไปที่ภูเขา แต่พบกลุ่มตอลิบานอยู่ที่หมู่บ้าน นอกจากนี้บางคนถูกซุ่มโจมตีระหว่างทางกลับมาที่หมู่บ้าน ซึ่งจากศพผู้เสียชีวิต 9 ราย พบว่ามีอยู่ 6 รายถูกยิงที่ศีรษะ และอีก 3 รายถูกทรมานจนเสียชีวิต
นางแอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้ กล่าวว่า ความโหดร้ายเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงการปกครองในอดีต และเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่เป้าหมายการสังหารเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนายังคงมีความเสี่ยงเป็นพิเศษภายใต้การปกครองของตอลิบานอัฟกานิสถาน ซึ่งนอกจากนี้กลุ่มยังตัดสัญญาณการสื่อสารในหลายพื้นที่ ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสังหารยังไม่มีการเปิดเผย
แอมเนสตี้จึงเรียกร้องให้สหประชาชาติสอบสวนและปกป้องผู้ที่มีความเสี่ยง
กลุ่มตอลิบาน อัฟกานิสถานเป็นที่รู้จักจากการปกครองที่มีความโหดร้าย กีดกันสตรีและชนกลุ่มน้อย จนกระทั่งถูกโค่นลงจากอำนาจโดยกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ในปี 2544 โดยในการแถลงข่าวภายหลังการเข้ายึดครองกรุงคาบูล กลุ่มตอลิบานได้ให้คำมั่นว่าจะไม่โจมตีผู้ที่ทำงานร่วมกับกองกำลังสหรัฐฯ และจะให้สิทธิสตรีภายใต้กฎหมายชารีอะห์
....
#แอมเนสตี้
#อัฟกานิสถาน
#ตอลิบาน