สถานการณ์การติดเชื้อในกลุ่มสตรีมีครรภ์ นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผอ.สำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย แถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ว่า มีผู้หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสะสม 2,327ราย เฉลี่ยติดเชื้อวันละ50-60 คนต่อวัน เสียชีวิต 53 ราย มีทารกเสียชีวิต 23 ราย จังหวัดที่มีการติดเชื้อค่อนข้างเยอะ คือ จังหวัดควบคุมเข้มข้นสูงสุด การฉีดวัคซีนยังค่อนข้างน้อย วันนี้ สตรีมีครรภ์ฉีดประมาณ20,000คน จากการตั้งครรภ์ปีละ500,000 คน
ดังนั้นมีการฉีดไม่ถึง10%วิเคราะห์ พบว่า สตรีมีครรภ์ที่เสียชีวิต 53 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวที่พบมากคือ แม่อายุเกิน35ปี มีโรคเบาหวาน ความดันสูงมีโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น ธาลัสซีเมีย อ้วนและใช้สารเสพติดในกลุ่มที่เสียชีวิตมีประวัติฉีดวัคซีน 22 ราย นอกนั้นยังไม่ได้ฉีดเลย ส่วนคนที่ฉีดแล้วเพิ่งจะฉีดได้ไม่กี่วันก็ติดเชื้อก่อน
ทั้งนี้การติดเชื้อเสียชีวิตครึ่งหนึ่งติดเชื้อในครอบครัวหากมีความเสี่ยงคนในครอบครัวติดโควิด ควรรับการตรวจหาเชื้อ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการ เบื้องต้นควรตรวจATKที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนได้เลย กรณีหญิงตั้งครรภ์อาการสีเขียวสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ หากอาการเปลี่ยนแปลงก็เข้าระบบการรักษาต่อไป
ทั้งนี้ สตรีมีครรภ์ติดเชื้อเทียบกับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อพบว่า มีโอกาสเข้าICUสูงถึง2-3เท่า ใช้เครื่องหายใจสูง2.6-2.9เท่า โอกาสเสียชีวิตตัวเลขในประเทศไทย 1.5-8 คน ใน1,000 คน ถือว่าค่อนข้างสูง ปัจจัยที่ทำให้อาการรุนแรงและเสียชีวิตคือ อ้วน อายุมาก มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวานก่อนตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ ทารกคลอดก่อนกำหนด1.5เท่า ตายคลอด 2.8เท่า ทารกมีโอกาสเข้าไอซียู 4.9เท่า
โอกาสที่ทารกติดเชื้อ3.5%แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ปัจจุบัน สตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อและมีการคลอดลูกนั้นพบว่าครึ่งหนึ่งผ่าคลอด อีกครึ่งหนึ่งคลอดธรรมชาติ สำหรับกรณีติดเชื้อหลังคลอด ถ้ากลุ่มสีเขียวสามารถกอดหรืออุ้มลูกได้ ให้นมจากเต้าได้ แต่ต้องสวมหน้ากากตลอด ล้างมือก่อน และหลังสัมผัสลูก เช็ดทำความสะอาดหัวนม และลานเต้านมด้วยน้ำอุ่น งดหอมแก้ม หากมีอาการไอจาม อาจจะต้องหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดลูก เลี่ยงดูดนมจากเต้า แต่ให้ปั๊มนมใส่ถุงให้ญาติป้อน ส่วนคนที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องงดให้นมลูก เพราะยาขับออกมาทางน้ำนมได้
ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19สามารถให้นมลูกได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กรณีหญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์นั้น อายุครรภ์12สัปดาห์ขึ้นไปขอให้ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งคำแนะนำจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ มีหลายสูตร
คือ1.เข็มแรกเป็นซิโนแวค เข็ม2เป็นแอสตร้าเซนเนก้า
2.สูตรแอสตร้าฯ2 เข็ม
3.สูตรไฟเซอร์ 2เข็ม
ทั้งนี้ กรณีจะเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเร็วที่สุดคือ สูตรที่1ซิโนแวคเข็มแรก และตามด้วยแอสตร้าฯ เป็นเข็มที่2 เพราะใช้เวลาห่างระหว่างเข็มแค่3สัปดาห์ และเกิดภูมิหลังจากนั้น2สัปดาห์ สำหรับผลข้างเคียงไม่แตกต่างจากคนทั่วไป จึงไม่ต้องกังวล คนที่ตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก หรือ3เดือนแรก จะมีอัตราการแท้งตามธรรมชาติ10-12%จึงให้เลี่ยงการฉีดวัคซีนในไตรมาสแรก เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลใจว่าแท้งจากวัคซีนหรือไม่
#ตั้งครรภ์ฉีดวัคซีน
#โควิด19