ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไขว้! กรมวิทย์ฯชี้ 'ภูมิคุ้มกัน' เพิ่มสูง

19 สิงหาคม 2564, 16:04น.


          ภูมิคุ้มกันโควิด-19 หลังการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผ่านระบบออนไลน์ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้วิจัยวัคซีนสลับชนิดว่าภูมิคุ้มกันขึ้นสูงแค่ไหน โดยศึกษาในอาสาสมัครทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศิริราช ทั้งกลุ่มประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ รวม 125 คน เป็นชาย 61 คน หญิง 64 คน อายุระหว่าง 18-60 ปี อายุเฉลี่ย 40 ปี จากพื้นที่ กทม.และปริมณฑล



          ภาพรวมสูตรสลับซิโนแวค-แอสตร้าฯ ภูมิขึ้นเช่นกัน ขณะที่ภูมิต่อเดลตาก็ดีมากพอสมควร ดังนั้น การฉีดสูตรดังกล่าวใช้เวลาห่างของ 2 เข็มแค่ 3 สัปดาห์ และนับไปอีก 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันก็สูงได้เร็วเมื่อเทียบกับการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ซึ่งกว่าภูมิจะขึ้นต้องใช้เวลามากกว่า



           ส่วนบูสเตอร์อย่างซิโนฟาร์ม ยังมีข้อจำกัดเพราะบูสต์เพียง 14 คน แต่ข้อมูลจะพบว่าการบูสต์ซิโนฟาร์มเฉลี่ย 61 ซึ่งมากกว่าซิโนแวค 2 เข็ม 2.5 เท่า ซึ่งขึ้นไม่มากเพราะเป็นแพลตฟอร์มเชื้อตายเหมือนกัน ขณะที่บูสต์ด้วยแอสตร้าฯ ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งบูสต์ด้วยแอสตร้าฯ พบว่าสู้กับเดลตาได้ดีมากถึง 271 ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดบูสเตอร์ด้วยแอสตร้าฯ ขอให้มีความมั่นใจ



          นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การวิจัยทั้งหมดยังไม่ได้ตอบคำถามว่า



1.ภูมิคุ้มกันที่ขึ้นมาจะอยู่ได้นานแค่ไหน การบูสต์ด้วยเข็ม 3 ขึ้นมา 11 เท่า อยู่ได้นานแค่ไหน จึงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์



2.กรณีไฟเซอร์ เพิ่งเริ่มฉีดก็ต้องรอข้อมูลให้ครบ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะหาอาสาสมัครมาศึกษาและเปรียบเทียบอีก



สรุป



1.คนที่ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ จะได้ภูมิคุ้มกันที่ดีพอๆ กับแอสตร้าฯ 2 เข็ม แต่ใช้เวลาสั้นลงเพียง 5 สัปดาห์



2.หากสลับสูตรเป็นแอสตร้าฯ เข็มแรก และซิโนแวคเข็ม 2 ไม่แนะนำเพราะค่าภูมิไม่แตกต่างซิโนแวค 2 เข็ม ยกเว้นมีอาการแพ้



3.การฉีดกระตุ้นด้วยแอสตร้าฯ หลังได้รับซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นภูมิได้ดีมากกับสายพันธุ์เดลตา และ



4.การฉีดกระตุ้นด้วยซิโนฟาร์มหลังรับซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิสูงขึ้น แต่ยังน้อย จำนวนคนศึกษายังน้อย 14 คน อาจต้องมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีเบตาจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพราะจำนวนยังน้อย



          ส่วนการศึกษาบูสต์ด้วยไฟเซอร์มีขั้นตอนและใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไร นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เราเพิ่งบูสต์ด้วยไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าประมาณ 3-4 แสนราย ขั้นตอนในการศึกษาภูมิคุ้มกันจะมีการคัดเลือกอาสาสมัคร คิดว่าไม่ยาก โดยจะใช้หลักการกระจายกลุ่มอายุหลากหลายเพื่อเป็นตัวแทนในการศึกษาครั้งนี้ และจะศึกษาหลังบูสต์ไป 2 สัปดาห์ จะมีการเจาะเลือดมาตรวจ เพาะกับไวรัสตัวจริงใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะทราบ คาดว่า จากนี้ไม่น่าเกิน 1 เดือนจะทราบผล



          สำหรับ การฉีดวิธีใหม่ด้วยการฉีดชั้นผิวหนัง นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากประสบการณ์คือ ใช้วัคซีนแค่ 25% ก็กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงเหมือนฉีดเข้ากล้าม 100% หากงานวิจัยนี้ยืนยันและมีโอกาสสำเร็จ ก็จะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการวัคซีนของไทยมาก แต่ก็ต้องรอผลการศึกษาก่อนเพื่อให้ได้หลักฐานเชิงประจักษ์ โดยจะเร่งมือทำเรื่องนี้ต่อไป



          ภาพรวมเรียกว่า ค่า AU (Arbitrary Unit) โดยการฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นเป็น 117 ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ค่าอยู่ที่ 207 ขณะที่การสลับสูตรซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันขึ้นตั้งแต่ 399-1127 เฉลี่ยที่ 716



CR:https://www.facebook.com/DMScNews/videos/381540576871505



#วัคซีนโควิด19



#กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ข่าวทั้งหมด

X