ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีนว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมจีนพบการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 เป็นการระบาดแบบกลุ่มก้อนในเมืองหนานจิง ทางภาคตะวันออกของประเทศ ต่อมาจีนพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาระบาดอย่างรวดเร็วในพื้นที่กว่า 26 เมืองทั่วประเทศ เช่น กรุงปักกิ่ง เมืองจางเจียเจี้ยและเมืองอู่ฮั่น โดยในช่วงที่ระบาดหนักที่สุดจีนพบผู้ป่วยใหม่กว่า 140 คนต่อวัน
แต่ในช่วงไม่ถึงหนึ่งเดือน เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่า การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในจีนเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งประเทศจีนพบผู้ป่วยใหม่ 6 คนในวันนี้ เท่ากับตัวเลขเมื่อวาน ซึ่งสื่อของทางการจีนยกย่องความสำเร็จในการควบคุมของของจีนเกิดจากนโยบายควบคุมโรคแบบเข้มข้น (zero transmission mode) เช่น
-มาตรการตรวจแบบปูพรม
-จัดตั้งศูนย์ตรวจหลายแห่งเพื่อตรวจโรคให้กับประชาชน เช่นเมืองหยางโจว จัดให้มีการตรวจแบบปูพรม 7 ครั้ง เพื่อตรวจโรคให้กับประชาชน 4.5 ล้านคนในเมืองหยางโจว
มาตรการอื่นๆ เช่น การล็อกดาวน์พื้นที่แพร่ระบาด ปิดห้างร้าน ระบบคมนาคม ไม่อนุญาตให้ประชาชนออกนอกพื้นที่ เว้นแต่มีธุระจำเป็น แม้ว่ามาตรการนี้จะกระทบประชาชนหลายล้านคน, การบังคับกักกันประชาชนที่เดินทางข้ามเขตของมณฑลต่างๆ, การปลดเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ทำงานบกพร่องในการควบคุมโรค ขณะเดียวกันประเทศจีนเร่งผลักดันโครงการวัคซีนให้คืบหน้า ซึ่งคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีนระบุว่า จีนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้วราว 1.87 พันล้านโดส
ตรงกันข้ามกับจีน ขณะนี้ เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา กลับมาแพร่ระบาดหนักทั่วโลก รวมทั้งสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 93 ของผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่ง ประสบปัญหาขาดแคลนเตียงคนไข้อีกครั้ง
ปัจจุบัน ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในสหรัฐฯเฉลี่ยกว่า 200,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ยังไม่รับวัคซีน นอกจากนี้ เชื้อไวรัสเดลตาระบาดในบางรัฐของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและไทย
Cr: cnn, global times
#โควิดจีน
#เดลตา