หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และพวก สั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 471 คน
ล่าสุด นายสมชาย ระบุว่า ในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ มั่นใจในความบริสุทธิ์ต่อเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่า ในครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและสุจริตตามอำนาจหน้าที่ของนายกฯ ที่พึงปฏิบัติ ยืนยันว่ามิได้กระทำผิดใดๆ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ฟ้องคดี และได้มีการพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้เสร็จสิ้น โดยอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 9 ต.ค.55 จนถึงบัดนี้รวมเวลา 2 ปีเศษ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็เคยยื่นฟ้องถอดถอนตนต่อวุฒิสภา ซึ่งวุฒิสภาได้มีมติไม่ถอดถอนตน เมื่อวันที่ 9 มี.ค.53 นับจนถึงบัดนี้เป็นเวลา 5 ปีเศษ แต่ ป.ป.ช.กลับนำเรื่องที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง และวุฒิสภามีมติไม่ถอดถอน มาฟ้องคดีที่ศาลอีกครั้ง อีกทั้งปรากฏว่า ในชั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายผู้ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศาลปกครอง ได้มีคำพิพากษาให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และได้มีการคืนความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติแล้ว และในฐานะอดีตผู้พิพากษา มีความมั่นใจว่าศาลยุติธรรมจะได้พิจารณาคดีโดยปราศจากอคติ และเป็นไปโดยถูกต้องและเที่ยงธรรม แม้ตลอดมาในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ จะไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆ จากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ตาม แต่เมื่อเรื่องมาถึงศาลแล้วตนก็พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีพยานหลักฐานที่จะยืนยันความบริสุทธิ์
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การที่ ป.ป.ช.มาฟ้องคดีให้ต้องรับผิดตามกฎหมายในครั้งนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องควรจะจบแล้วนั้น ป.ป.ช.ได้ยึดหลักนิติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ประการใด หากเทียบกับคดีที่มีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ที่มีข้อพิจารณาต่อตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีแตกต่างกันกรณี จึงขอให้สังคมได้โปรดช่วยกันตรวจสอบ และขอเรียกร้องทุกฝ่ายยุติการชี้นำคดีนี้ ปล่อยให้ศาลพิจารณาและพิพากษาคดีไปตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายต่อไป