สายการบินแควนตัส แจ้งให้พนักงานส่วนหน้าทั้งนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและสนามบิน จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนพนักงานในกลุ่มอื่น ๆ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนภายในสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า (2565)
คำสั่งนี้มีขึ้นในขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่มากที่สุด และสายการบินสัญชาติออสเตรเลียเป็นบริษัทรายใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของประเทศในการใช้นโยบายบังคับฉีดวัคซีน
นายอลัน จอยซ์ ผู้บริหารระดับสูงของแควนตัส ระบุในถ้อยแถลงว่า มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ เพราะการพบผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียวอาจส่งผลกระทบให้สถานที่ขนส่งสินค้าหรืออาคารสนามบินต้องปิดทำการ และเป็นที่ชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนเป็นวิธีเดียวที่จะยุติวงจรล็อกดาวน์และการปิดพรมแดน และสำหรับพนักงานของแควนตัสและเจ็ทสตาร์ มาตรการนี้ยังหมายถึงการกลับไปทำงานอีกครั้ง
ด้านสายการบินแควนตัส เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน 22,000 คนพบว่าร้อยละ 89 ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หรือมีนัดฉีดวัคซีนแล้ว และประมาณ 3 ใน 4 ของพนักงานคิดว่าควรกำหนดเป็นข้อบังคับ
แต่มีพนักงานร้อยละ 4 หรือประมาณ 480 คน ที่ระบุว่าไม่เต็มใจหรือไม่สามารถรับวัคซีนได้ ซึ่งในกรณีที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้นี้ จะต้องมีเอกสารทางการแพทย์ชี้แจงเหตุผลที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้เพื่อให้ได้รับการยกเว้น
การปิดชายแดนที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาในซิดนีย์และเมลเบิร์น ส่งผลให้แควนตัสต้องลดตารางเที่ยวบินลง โดยเมื่อต้นเดือนนี้ (ส.ค.) พนักงาน 2,500 คนต้องหยุดทำงานเป็นการชั่วคราว และกำลังมีการพิจารณาข้อกำหนดให้ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนก่อนใช้บริการ
อย่างไรก็ตามออสเตรเลีย เป็น 1 ในประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีความคืบหน้าของโครงการวัคซีนล่าช้าที่สุด โดยมีประชากรเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ได้รับวัคซีน
...