เร่งปรับตัว! หัวหน้าทีมเศรษฐกิจฯประชาธิปัตย์ แนะรัฐเร่งพัฒนา e-Government ยุคราชการ 'WFH'

16 สิงหาคม 2564, 21:32น.


          การปรับสภาพการทำงานในภาวะสถานการณ์โควิด-19แพร่ระบาด นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ แนะนำรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาทันท่วงที พร้อมจัดสรรงบประมาณปี 65 มาพัฒนา e-Government ขับเคลื่อนแผนพัฒนารัฐบาลดิจิตอลให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0 ที่แท้จริง  หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการธุรกิจว่า ได้รับความความเดือดร้อนจากการที่หน่วยงานของภาครัฐต้องปิดให้บริการ และเจ้าหน้าที่รัฐต้องทำงานแบบเวิร์คฟอร์มโฮมตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด – 19 ของ ศบค. อย่างเคร่งครัด ทำให้ขั้นตอนการยื่นเอกสาร การทำธุรกรรม รวมถึงการขอความช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น ทำพาสปอร์ต ติดต่อซ่อมระบบไฟฟ้า - ประปา และการขอเอกสารประกอบการทำธุรกิจ เป็นไปอย่างล่าช้ามาก และไม่ได้รับความสะดวก



          สาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากยังไม่พร้อมทำงานจากบ้าน เพราะมีข้อจำกัดด้านอุปกรณ์ เช่น ไม่มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ไม่มี Fax อินเทอร์เน็ตช้าหรือไม่เสถียร เป็นต้น งานบางตำแหน่งไม่สามารถทำจากที่บ้านได้ รวมทั้งข้อมูลของแต่ละหน่วยงานยังไม่เชื่อมต่อกัน ทำให้การบริการประชาชนเกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม การที่หน่วยงานภาครัฐเวิร์คฟอร์มโฮมก็มีข้อดี คือช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคลงได้ ช่วยลดรายจ่ายส่วนตัวในชีวิตประจำวัน  และลดรายจ่ายโดยรวมของสำนักงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ



          ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยควรจัดสรรงบประมาณประจำปี 2565 มาพัฒนารัฐบาลดิจิตอล e-Government ให้เกิดขึ้นได้จริง



1. พัฒนาทักษะและสมรรถนะใหม่ให้กำลังคนภาครัฐและประชาชนให้ใช้เทคโนโลยีทันสมัยได้ ผ่านการเทรนนิ่งรูปแบบต่าง ๆ



2. นำระบบบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้เพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และขจัดการคอรัปชั่นในกระบวนการทำงานของภาครัฐ เช่น กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ให้มีธรรมาภิบาล



3. เดินหน้านโยบาย Paperless กับทุกหน่วยงาน แปลงเอกสารเป็นข้อมูลดิจิทัล ลด/งดการใช้กระดาษ ลดค่าใช้จ่าย ลดการส่งเอกสารระหว่างหน่วยงานรัฐ เพิ่มการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลและการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และลดภาระของประชาชนที่ต้องเจอกับขั้นตอนมากมายของระบบราชการที่ซ้ำซ้อน



4. สนับสนุนให้เกิด Digital Lean Management ในหน่วยงาน นำเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมมาปรับใช้กับการทำงาน  เช่น นำหุ่นยนต์ AI มาช่วยงานในโรงพยาบาล



5. ปรับเปลี่ยนรูปแบบบริการของหน่วยงานรัฐให้เป็นออนไลน์ทั้งหมด เช่น การที่กระทรวงพาณิชย์ปรับหลักสูตรการเทรนนิ่งต่าง ๆ เป็นรูปแบบออนไลน์ Gen Z CEO และการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับการบริการหลายด้านให้เป็นออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ประชาชน เป็นต้น และควรพัฒนาแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ให้รวมทุกบริการของภาครัฐมาไว้ในที่เดียว “One Stop Service”



6. พัฒนาระบบการทำงานของภาครัฐให้สามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ รองรับ Remote Working และการเวิร์คฟอร์มโฮมถาวรในอนาคต เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐ อย่างที่รัฐวิสาหกิจและเอกชนหลายแห่งกำลังทำอยู่ตอนนี้



7. การบูรณาการข้อมูลข้ามหน่วยงานและใช้ Big Data เพื่อเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชน เช่น ประชาชนที่มีสิทธิ์ควรได้รับการคืนภาษีโดยอัตโนมัติและไม่ต้องยื่นเรื่องขอเอง รวมถึงการเข้าถึงรัฐสวัสดิการที่ควรสะดวกขึ้น



8. พัฒนาระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัย Cyber Security เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้บริการรัฐบาลดิจิตอล



9. การปรับ/ตัดกฎหมาย กฎระเบียบให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิตอล เช่นการเบิกจ่าย การใช้บัตรประชาชนดิจิตอล รัฐบาลมีแผนพัฒนารัฐบาลดิจิตอล 2563-2565 ที่ชัดเจนแล้วแต่ยังขาดการบูรณาการในการขับเคลื่อนให้แผนดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในยุค “New Normal” ที่มาถึงเร็วกว่าที่หลายคนคาดจากการเกิดวิกฤตโควิด ดังนั้นภาครัฐต้องเร่งแผนการขับเคลื่อนและจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่



 



#เวิร์คฟอร์มโฮม



#ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์

ข่าวทั้งหมด

X