การพัฒนาวัคซีนของไทย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยเป้าหมายการวิจัยวัคซีน ChulaCov19 ว่า ประเทศไทยจะมีวัคซีนของคนไทยใช้ได้ก่อนสงกรานต์ เม.ย. 65 แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น ในเดือนหน้า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จะมีกติกาในการขึ้นทะเบียนที่ชัดเจน โรงงานผลิตต้องเร่งดำเนินการ ให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพและจำนวนมาก รวมทั้ง การจัดสรรงบประมาณที่ต้องมีอย่างเพียงพอในอนาคต
เมื่อถึงเวลานั้น วัคซีนของ ChulaCov19 น่าจะเป็นตัวกระตุ้นในการฉีดเข็มที่ 3 และเมื่อฉีดให้กับผู้ใหญ่อย่างปลอดภัยแล้ว จะมีการฉีดให้เด็ก ซึ่งนักวิจัยของจุฬาฯ อยู่ระหว่างการศึกษาการฉีดในเด็กด้วย เนื่องจาก ขณะนี้ เราได้ศึกษาการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็กอยู่แล้ว
ส่วนผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร ศ.นพ.เกียรติ สรุปการฉีดวัคซีน ChulaCov19 ระยะที่ 1 จากอาสาสมัคร 36 คน อายุระหว่าง 18-55 ปี อาสาสมัครยังเป็นกลุ่มน้อย ผลข้างเคียงเล็กน้อย ปานกลาง และอาการจะดีขึ้นในช่วง 1-3 วัน หลังจากฉีด ส่วนการตรวจสอบผลการกระตุ้น การสร้างภูมิคุ้มกัน พบว่า มีการสร้างแอนติบอดี ไม่ให้ติดเชื้อได้สูงเท่ากับไฟเซอร์ กระตุ้นการสร้างแอนติบอดีข้ามสายพันธุ์เดิมได้ดี สามารถยับยั้งสายพันธุ์อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา ได้
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ มองว่า มีความเป็นไปได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะของ ChulaCov19 แต่ยังมีวัคซีนของคนไทยอีกหลายหน่วยงาน เราต้องเรียนรู้จากหลายประเทศที่ขึ้นทะเบียนฉุกเฉิน แต่ต้องอยู่บนมาตรฐานของความปลอดภัย และที่สำคัญต้องทำให้เกิดความมั่นใจ