องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ยืนยันซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) 8.5 ล้านชิ้น ตามเนื้อหาหลักตาม TOR ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กำหนด ซึ่งไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นมาตรฐานองค์การอนามัยโลก(WHO) โดยมีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถจัดซื้อจัดหาให้ทันใช้งานภายในเดือนส.ค.64 โดยวิธีคัดเลือกที่รวดเร็วและโปร่งใสมีการแข่งขันที่สมบูรณ์ ได้ ATK ตาม TOR และ มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)
นางศิรินุช ชีวันพิศาลนุกูล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ชี้แจงว่า การจัดซื้อชุด ATK ตาม TOR เป็นไปตามหนังสือของโรงพยาบาลราชวิถี ส่งมาให้อภ.ลงวันที่ 2 ส.ค.64 พร้อมได้แนบหนังสือของสปสช. ลงวันที่ 1 ส.ค.64 ซึ่งแนบ TOR ที่ลงนามโดยประธานคณะทำงานกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาด้วย
หลังจากนั้น องค์การฯ ได้มีการประสานงานกับสปสช.และโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อปรับในรายละเอียดบางส่วนของ TOR บางประการ เช่น
-การกำหนดเวลาส่งมอบที่กระชั้นชิด จากเดิมวันส่งมอบซึ่งระบุเป็นวันที่ 10 ส.ค.64 ได้ปรับเป็นส่งมอบภายใน 14 วัน หลังจากวันลงนามในสัญญา
-ประเด็นที่ได้รับการทักท้วงจากผู้ขายและได้ดำเนินการตามความเห็นของ สปสช. เช่น จากเดิมให้ใช้ตัวอย่างตรวจเป็น “Nasal /Nasopharyngeal swab” ได้ปรับเป็น “Nasal swab หรือตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV2 (เชื้อก่อโควิด-19) พ.ศ. 2564 ข้อ 10 ปรับค่าจากเดิม “ความจำเพาะ(Specificity) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 97” ได้ปรับเป็น “ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 98” เพื่อให้ได้ATK ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ของอย. ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เปิดกว้างในการแข่งขันมากขึ้น เนื่องจาก มีผู้ขายมากกว่า 1 ราย และ บริษัทออสแลนด์ แคปปิตอล จำกัด โดยผู้แทนจำหน่ายคือบริษัทเวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด ราคาประมาณชุดละ70 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเสนอราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ สปสช.ตั้งไว้ ทำให้ประหยัดงบประมาณภาครัฐได้กว่า 400 ล้านบาท
รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า การจัดซื้อ ATK ครั้งนี้ ถ้าหาก สปสช.และโรงพยาบาลราชวิถี พิจารณาเห็นว่ามีผู้ขายเพียงรายเดียวที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามที่ต้องการ ทั้ง 2 หน่วยงานสามารถระบุ ยี่ห้อและ/หรือบริษัท พร้อมเหตุผลความจำเป็นที่ชัดเจนในการต้องระบุยี่ห้อมาให้แก่องค์การฯเพื่อจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ แต่การจัดซื้อครั้งนี้ทั้ง 2 หน่วยงานไม่ได้มีการระบุมาให้ องค์การฯ จึงดำเนินการจัดซื้อตามข้อบังคับองค์การเภสัชกรรมว่าด้วยการพัสดุเพื่อการผลิตและจำหน่าย พ.ศ. 2561 โดยวิธีคัดเลือก เนื่องจาก มีผู้ขายหลายราย ซึ่งสามารถดำเนินการภายในระยะเวลาเร่งด่วนได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ข้อบังคับขององค์การเภสัชกรรมว่าด้วยการพัสดุเพื่อการผลิตและจำหน่าย พ.ศ.2561 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ที่ออกตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และประกาศคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ข้อบังคับฯจะกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของการซื้อโดยวิธีคัดเลือกไว้ในข้อ 11 และวิธีเฉพาะเจาะจงในข้อ 13 โดยสามารถซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงกรณีเป็นพัสดุเพื่อการผลิตและจำหน่ายที่จำเป็นต้องซื้อตามความต้องการของลูกค้าตามข้อ 13 (4)
CR:องค์การเภสัชกรรม