ข้อมูลจากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์(HHS)ของสหรัฐฯ ชี้ว่า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเร่งหาทางลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนไปรับวัคซีน และสวมหน้ากากอนามัย ปรากฏว่า โรงพยาบาลใน 8 รัฐ คือ อลาบามา,อาร์คันซอ, ฟลอริดา,จอร์เจีย,หลุยเซียนา,มิสซิสซิปปี้,เนวาดาและรัฐเท็กซัส อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนเตียงคนไข้ในอนาคต หลังมีคนไข้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 ของคนไข้ทั้งหมดในแต่ละรัฐ
โดยเฉพาะอัตราการครองเตียงคนไข้ไอซียูในรัฐฟลอริดา,หลุยเซียนาและรัฐมิสซิสซิปปี้ ใกล้จะถึงครึ่งหนึ่งของเตียงคนไข้ไอซียูทั้งหมดของโรงพยาบาล
แต่ตัวเลขผู้ป่วยทั้งหมดที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลของทั้ง 8 รัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ของผู้ป่วยทั้งหมดของสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าข้อมูลสำมะโนประชากรของสหรัฐฯประจำปี 2564 ชี้ว่า ทั้ง 8 รัฐมีประชากรรวมกันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24 ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ทั้ง 8 รัฐดังกล่าว มีการกระจายวัคซีนในอัตราต่ำมาก เมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆอีก 42 รัฐทั่วประเทศ ในปัจจุบัน ชาวอเมริกัน 197 ล้านคน หรือร้อยละ 76.2 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของสหรัฐฯรับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ขณะที่อีก 167 ล้านคน หรือร้อยละ 50.4 รับวัคซีนครบสองเข็ม
ในปัจจุบัน สหรัฐฯมีผู้ป่วยสะสม 37.20 ล้านคน เสียชีวิต 636,298 ราย
Cr: cnn, bloomberg