นางมารี ดิรอน จากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ กล่าวว่าราคาน้ำมันดิบที่ถูกลงไม่อาจจะช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกให้เติบโตมากนักในระยะ 2 ปีข้างหน้า โดยระบุว่า มีปัจจัยลบหลายประการที่ทำให้เศรษฐกิจโลกไม่ได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันถูก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในเขตยูโรโซน การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่นและรัสเซีย สำหรับเขตยูโรโซน การลดลงของราคาน้ำมันดิบมีขึ้นในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย มีอัตราว่างงานสูง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในบางประเทศ แต่มูดี้ส์ ระบุว่า มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(คิวอี)ของธนาคารกลางแห่งยุโรปจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของยูโรโซนให้เติบโตโดยการทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ แต่ปัญหาคือ อุปสงค์ที่อ่อนแอในเขตยูโรโซนบ่งชี้ว่าบริษัทต่างๆจะต้องปรับลดราคาสินค้าลงตามต้นทุนพลังงานที่ลดลง ส่งผลให้มีผลกำไรที่ไม่สูงมากนัก มูดี้ส์ จึงคงตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มจี-20 ไว้เท่าเดิมคือ ต่ำกว่าร้อยละ 3 ในปีนี้และปีหน้า ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขคาดการณ์เดิมเมื่อปีก่อน แต่ประเทศที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันถูกคือ สหรัฐฯ ซึ่งเห็นได้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ สำหรับการประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจของมูดี้ส์ มาจากข้อสันนิษฐานว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดกรุงลอนดอน อังกฤษจะมีราคาเฉลี่ย 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้และขยับขึ้นที่ 65 ดอลลาร์ในปีหน้า ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบซื้อขายกันที่ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อช่วงฤดูร้อนปีก่อน