เว็บไซต์เดอะวอชิงตันโพสต์ (The Washington Post) ของสหรัฐฯ รายงานว่าเฟซบุ๊กปิดกั้นเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งมีต้นทางมาจากรัสเซีย ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวปลอมว่าวัคซีนจะทำให้มนุษย์กลายเป็นชิมแปนซี และระงับบัญชีผู้ใช้งานนับร้อยบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย
การตรวจสอบในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกรณีที่มียูทูบเบอร์คนหนึ่งอ้างว่าได้รับการติดต่อว่าจ้างจากบริษัทการตลาดที่มีการจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร ให้ผลิตเนื้อหาโจมตีวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัทการตลาดแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกเฟซบุ๊กปิดกั้นฐานละเมิดและพบการแทรกแซงจากต่างชาติ นอกจากนี้เฟซบุ๊กยังมีนโยบายห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 รวมถึงการรักษา และจำนวนผู้เสียชีวิต ซึ่งในเดือนกรกฎาคมของปีนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าววิพากษ์วิจารณ์ว่า เฟซบุ๊กกำลังทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากการที่ปล่อยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และเรียกร้องให้มีการจัดการอย่างจริงจัง
ขณะที่ศูนย์การต่อต้านความเกลียดชังทางออนไลน์ (Center for Countering Digital Hate หรือ CCDH) รายงานว่า ร้อยละ 65 ของข่าวปลอมที่มีเนื้อหาต่อต้านวัคซีนซึ่งมีการเผยแพร่บนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ มีต้นทางจากบุคคลเพียง 12 คนเท่านั้น
เฟซบุ๊กเปิดเผยด้วยว่า มีการลบโพสต์ที่มีเนื้อหาให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ไปแล้วกว่า 18 ล้านโพสต์ และในส่วนของการตรวจสอบโพสต์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียและโจมตีวัคซีนโควิด-19 เกิดขึ้นตั้งแต่ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวปลอมที่มีเนื้อหาระบุว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะสามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นลิงชิมแปนซีได้ จากนั้นในปี 2564 ก็เป็นข่าวปลอมที่โจมตีวัคซีนไฟเซอร์ว่ามีผู้ที่รับวัคซีนแล้วเสียชีวิตมากกว่าวัคซีนจากผู้ผลิตรายอื่นๆ
รายงานของเดอะวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า การเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่สหรัฐฯ อินเดีย และประเทศแถบลาตินอเมริกา กำลังพิจารณาอนุมัติวัคซีน
นอกจากเฟซบุ๊กแล้ว ผู้ให้บริการเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์รายอื่นๆ รวมถึงยูทูป อินสตาแกรม และติ๊กต๊อกต่างก็ต้องต่อสู้กับข่าวปลอมเรื่องโควิดและวัคซีนที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อ
....