*สรุปข่าว19.35น.*

11 กุมภาพันธ์ 2558, 18:33น.


+++ความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทย 5 คน ที่บาดเจ็บจากเหตุรถชนกันนับร้อยคันที่เกาหลีใต้ หลังจากหมอกลงจัด ทัศนวิสัยไม่ดี ระหว่างสนามบินเมืองอินชอลไปยังกรุงโซล  เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผู้บาดเจ็บเป็นนักท่องเที่ยวที่นั่งโดยสารอยู่ในรถคันเดียวกัน ทั้งหมดพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง สถานทูต ประสานเรื่องความช่วยเหลือเพิ่มเติมแล้ว ส่วนความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง ว่าผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีประกันอุบัติเหตุสำหรับนักท่องเที่ยวคุ้มครองหรือไม่ หากผู้บาดเจ็บไม่อยู่ในความคุ้มครองของประกัน และต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมต้องการให้สถานทูตติดต่อขอรับการคุ้มครองจากบริษัทประกันของผู้ก่อเหตุ ก็สามารถแจ้งมายังสถานทูตมาได้ทันที



+++ความเคลื่อนไหวทางการเมือง กระแสข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะลี้ภัยไปสหรัฐฯ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว และขอให้อย่าวิตกกังวล โดยเฉพาะเหตุการณ์ตรวจค้นอดีตนายกฯที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ ได้สอบถามไปยังหน่วยปฏิบัติของฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นปกติของการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้นำระดับวีไอพีเมื่อเดินทางเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ ยืนยันว่าไม่ได้ค้นรถอดีตนายกฯ แต่ตรวจค้นรถในขบวนเท่านั้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น ยืนยันว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุ ขออย่านำไปโยงเรื่องการเมือง



+++ความคืบหน้าในการส่งสำนวนอาญา คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบให้แก่อัยการสูงสุด (อสส.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ ป.ป.ช. จะทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้เรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 73/1 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542



+++ประธานป.ป.ช. ระบุว่า วันที่ 16 ก.พ. จะส่งสำนวนการไต่สวนในคดีอาญากล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 21 ราย ไปให้กับอัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป 



+++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการสำนักงานป.ป.ช.กล่าวถึง กรณีการนัดส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มาด้วยตัวเอง อสส. ก็ต้องนำสำนวนไปฟ้องได้ทันที เพราะในวันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องนำตัวจำเลยไป โดย อสส. จะนำสำนวนของ ป.ป.ช. ไปส่งฟ้องศาล  และเมื่อศาลรับฟ้องแล้ว กระบวนการของศาลคือ ต้องตั้งองค์คณะ และจะนัดพิจารณาครั้งแรก ซึ่งในวันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องเดินทางมายืนต่อหน้าศาลด้วยตัวเอง เพราะในวันนั้นจะต้องมีตัวอยู่ต่อหน้าการพิจารณาองค์คณะของศาล





+++ความคืบหน้าคดีที่นางสาวศวิตา มณีจันทร์ ร้องทุกข์กรณีถูกนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ สุวะดี กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา



พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า ได้มอบหมายพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เพิ่มเติม รวมถึงสอบดาบตำรวจสุริทร์ ศุกลมนัส ลุงของนางสาวศวิตา ที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดี และได้ข้อมูลในระดับหนึ่ง รวมทั้งจัดส่งตำรวจดูแลผู้เสียหายและคุ้มครองพยาน ยืนยันจากการสอบสวนผู้เสียหายและพยานที่เกี่ยวข้อง ถือว่าคดีมีมูลตามที่ผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์  ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ให้คดีเกิดความชัดเจนและเป็นธรรมมากที่สุด และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



+++การตรวจสอบทรัพย์สินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น  พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เปิดเผยว่า ปปง.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานและเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย สามารถยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดทั้งสิ้นจำนวน 609 รายการไว้ชั่วคราว มูลค่าประมาณ 3,793ล้านบาท พร้อมกับได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตามกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินล่าสุดพบว่า มีการออกเช็คในนามของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปยังบริษัทและบุคคลต่าง จำนวน 878 ฉบับ รวมเป็นเงิน 11,367,218,813.68 บาท  เช่น เข้าบัญชีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จำนวน 21 ฉบับ  แคชเชียร์เช็ค และถอนเงินสด จำนวน 691 ฉบับ (อยู่ระหว่างการติดตาม) เป็นต้น



+++นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หารือกับ ธปท. เพื่อขอให้ ธปท. ช่วยดูแลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศคู่แข่ง ซึ่ง ธปท.ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจในมุมมองอัตราแลกเปลี่ยนว่า สาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจการเงินของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ยืนยันว่า จะทำทุกวิถีทางภายใต้เครื่องมือที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจมากเกินไป แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องมือในระยะปานกลาง ดังนั้น ธปท.จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน และภาคเอกชนต้องเตรียมพร้อมปรับตัว เพื่อช่วยเหลือตัวเองด้วย



+++หุ้นไทยบวก 10.15 จุด ปิดที่ 1,605.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,358.94 ล้านบาท



+++นายประพนธ์ ปัทมกิจสกุล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า จากกรณีมีสมาชิกเว็บไซต์ pantip.com ชื่อว่า Ple Angel ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2558 ว่า รถแท็กซี่ที่ใช้บริการซึ่งมีนายสุรชัย ณ เชียงใหม่ เป็นผู้ขับขี่รถหมายเลขทะเบียน มฎ 750กทม. มาตรมิเตอร์ค่าโดยสารขึ้นเร็วผิดปกติ ทำให้ต้องจ่ายค่าโดยสารแพงกว่าปกติที่เคยจ่าย และรู้สึกว่าถูกโกงค่าโดยสาร เมื่อไปตรวจสอบพบว่านายสุรชัย ปรับแต่งมาตรมิเตอร์จริง จึงได้สั่งลงโทษโดยการยกเลิกรหัสของ นายสุรชัย ณ เชียงใหม่ และห้ามเข้ามาให้บริการรับผู้โดยสารที่ ทสภ. ตลอดไป ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 10กุมภาพันธ์ 2558เป็นต้นไป  



+++สถานการณ์ต่างประเทศ สถานีขนส่งรถโดยสารระหว่างเมือง ย่านใจกลางเมืองโดเนตสค์ ทางตะวันออกของยูเครน ถูกยิงถล่มด้วยกระสุนปืนใหญ่จนเกิดเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ศพ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นนานราว 5-10 นาที แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า กระสุนถูกยิงมาจากทิศทางใด



+++ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียจะเดินทางเยือนกรุงมินสก์ประเทศเบลารุส เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยสันติภาพในยูเครนกับผู้นำยูเครน  เยอรมนีและฝรั่งเศส  ค่ำวันนี้เพื่อหาทางคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 ศพแล้ว 



 



+++การดำเนินคดีผู้มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเรือเฟอร์รี่โดยสาร เซวอล ล่มในเกาหลีใต้ เมื่อเดือน เม.ย. ปีก่อน ผู้พิพากษา ศาลชั้นต้นในเมืองกวางจู ทางตอนใต้ พิพากษาจำคุก นายคิม คยุง-อิล เจ้าหน้าที่หน่วยยามชายฝั่ง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือ ซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุเป็นลำแรก ได้กระทำความผิดต้องโทษจำคุก 4 ปี ฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต  เนื่องจากบรรทุกน้ำหนักเกิน และเรือหักเลี้ยวเร็วเกินไปจนทำให้เรือสูญเสียความสมดุล จนพลิกคว่ำจมลงสู่ก้นทะเล



 

ข่าวทั้งหมด

X