รองเลขาฯ อย. ชี้แจง ปมชุดตรวจ ATK ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีคุณภาพว่านำไปตรวจแล้ว ไม่พบผิดปกติ
หลังจากที่มีการตั้งข้อสังเกต กรณีที่องค์การเภสัชกรรม ประมูลชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) จำนวน 8,500,000 ชุด ในวงเงินกว่า 600 ล้านบาท และถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นชุดตรวจที่ไม่มีคุณภาพ เนื่องจาก เป็นชุดตรวจยี่ห้อที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ(FDA) ได้เรียกคืน เพราะมีการลักลอบนำเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐฯ จะทำให้การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ผลไม่ถูกต้อง
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ชี้แจงว่า
-เกณฑ์การพิจารณาของ อย.แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
-อย.ไทย ใช้เกณฑ์พิจารณาจากเอกสารข้อมูล
-ขอให้สภาเทคนิคการแพทย์ ช่วยดูรายละเอียด
-นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมเกณฑ์คือ ให้บริษัทที่ขอยื่นจดทะเบียนซึ่งมี 29 บริษัท นำตัวอย่างชุดตรวจ ATK มาให้ทดสอบ อย.ได้ขอให้โรงเรียนแพทย์ทดสอบ เช่น รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช ทดสอบว่ามีความไว ความจำเพาะ ตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ทุกยี่ห้อผ่านเกณฑ์ ได้รับการขึ้นทะเบียน
-หลังการอนุมัติแล้วยังมีการติดตามผลการใช้งานเป็นระยะ ทั้งอาหาร ยา ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 เช่น เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ชุดตรวจ ATK รวมทั้งรับข้อร้องเรียนจากประชาชนที่นำไปใช้ด้วย จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
FDA เรียกคืนเพราะยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ยังไม่มีการตรวจสอบคุณภาพ
ประเด็นที่ FDA ของสหรัฐฯ เรียกคืนชุดตรวจนี้ นพ.สุรโชค กล่าวว่า หากดูในรายละเอียดจะเห็นว่า FDA เรียกคืนเพราะชุดตรวจนี้ยังไม่ขึ้นทะเบียนกับ อย. เป็นการลักลอบนำเข้า เมื่อไม่มีการขึ้นทะเบียน แสดงว่า ยังไม่มีการตรวจสอบคุณภาพ การแจ้งให้ประชาชนทราบ ต้องระบุว่า หากนำไปใช้จะเกิดข้อผิดพลาด เป็นเรื่องปกติของการแจ้งข่าวสารให้ประชาชนทราบ เช่นเดียวกับ อย.ไทย เช่น ถ้าพบยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. ถือว่าเป็นยาปลอม ถ้านำไปใช้จะเป็นอันตราย ไม่สามารถบอกได้ว่าของที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นของดีได้
CR:องค์การเภสัชกรรม
สภากาชาดไทย ระดมแพทย์-พยาบาลจิตอาสา ร่วมทีม Telemedicine ช่วยเหลือผู้ป่วย HI
การเสริมทีมบุคลาการทางการแพทย์ ทำหน้าที่รักษาพยาบาล โดยการคัดกรองและประเมินอาการทางโทรศัพท์ (Telemedicine) มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ในขณะนี้โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย สามารถแยกกักตัวเองที่บ้านได้(Home Isolation) หรือ HI
นพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า สภากาชาดไทย ขอเชิญแพทย์และพยาบาลจิตอาสาที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ที่กักตัวที่บ้าน ผ่านทาง Telemedicine คุณสมบัติของผู้สมัคร คือ เป็นผู้ที่มีเวลาในการให้คำปรึกษาผู้ป่วย สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ และสามารถใช้แอปพลิเคชัน Line ได้
สามารถลงทะเบียนด้วยการสแกน QR code หรือ คลิกลิงก์ https://chapter.redcross.or.th/covid-19/register.php ติดต่อสอบถามเรื่องการรับอาสาสมัครได้ที่ สายด่วน โทร. 02-0211664
ผู้ป่วยที่ทำ HI และลงทะเบียนเข้าระบบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะได้รับอาหาร ยา เวชภัณฑ์ และการดูแลรักษา ผ่านทาง Telemedicine ซึ่งเป็นการสื่อสารสองทาง สามารถเข้าถึงการตรวจรักษาและวินิจฉัยจากแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยสามารถติดตามการรักษาได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และคำแนะนำจากแพทย์ได้โดยตรง และได้รับการสั่งยาพื้นฐาน และยาต้านไวรัส Favipiravir และไม่กระทบต่อการจองเตียงในโรงพยาบาลของผู้ป่วยสีเหลือง หรือสีแดง ทำให้รับคนไข้ได้ในปริมาณที่มากขึ้น
คนที่ดูแลผู้สูงอายุ ถ้ามีความเสี่ยง ควรใช้ ATK ตรวจหาเชื้อทุก7-14 วัน
การติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-8 ส.ค.64 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสอบสวนโรค พบว่า
-พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 727,642 คน
-เป็นผู้สูงอายุติดเชื้อ 56,397 คน คิดเป็นร้อยละ 7.8
-ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตทั้งหมด 6,110 ราย
-เป็นผู้สูงอายุที่เสียชีวิตสูงถึง 3,981 ราย คิดเป็นร้อยละ 65.2
สาเหตุของการติดเชื้อมากที่สุด คือ การสัมผัสกับผู้ติดเชื้อยืนยัน โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักจะสัมผัสและติดเชื้อจากบุคคลในครอบครัว หรือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ
ส่วนการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุยังน้อยมาก
-ผู้สูงอายุรับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ร้อยละ 20.87
-การรับวัคซีนครบทั้งสองเข็มมีเพียงร้อยละ 4.9 จึงต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ ยกระดับมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุ
-จัดหาวัคซีนสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ
-บุคลากรที่ปฏิบัติงานต้องประเมินความเสี่ยงทุกวัน กรณีพบว่ามีความเสี่ยงให้ตรวจ ATK ทุก 7-14 วัน
-ขอให้สถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุ ปฏิบัติตามมาตรการของสถานที่และประเมินตนเองใน Thai Stop COVID Plus
-งดรับผู้สูงอายุรายใหม่
‘หาน จื้อเฉียง’ ทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่ ย้ำถึงความสัมพันธ์ "จีนไทยครอบครัวเดียวกัน"
ทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่ ยืนยันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เป็นช่วงสำคัญที่จะต้องช่วยกันฝ่าวิกฤตโควิด-19 สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทยคนใหม่ เดินทางมารับตำแหน่งแล้ว พร้อมทั้งกล่าวว่า ประเทศจีนกับประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีสัมพันธไมตรีที่ยาวนาน ปัจจุบันนี้ โรคโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก จีนกับไทยและประชาชนของทั้งสองประเทศได้ร่วมแรงร่วมใจและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพอันวิเศษที่เป็น "จีนไทยครอบครัวเดียวกัน" และยินดีที่จะร่วมมือกับทุกภาคของประเทศไทย ร่วมมือกันต่อสู้กับโควิด-19
ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 100 ปี ในการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการสร้างสังคมกินดีอยู่ดีอย่างถ้วนหน้า กำลังมุ่งสู่เป้าหมาย ในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่แข็งแกร่งอย่างรอบด้านด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มตัว ประเทศไทยกำลังรวมไทยสร้างชาติ ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์จีน-ไทย กำลังพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ท่านทูต หาน เกิดที่เขตปกครองตัวเองชนชาติแมนจู อำเภออีทง ในมณฑลจี๋หลิน จบการศึกษาปริญญาตรีด้านภาษาญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยจี๋หลิน (Jilin University) ระดับปริญญาโทจาก China Foreign Affairs University และปริญญาเอกด้านสาขาเศรษฐศาสตร์ ทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศในตำแหน่งสำคัญมากมาย
พ.ศ. 2551-2554 ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศฟิจิ
พ.ศ. 2554-2558 ดำรงตำแหน่งอัครราชทูต สถานทูตจีนประจำประเทศญี่ปุ่น
CR:สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย