ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ศบค.แจงเหตุไม่รวม ATK ในยอดติดเชื้อรายวัน

          น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า การตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วย Antigen test kit (ATK) ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบติดเชื้อ 8.85% จากจำนวนที่ตรวจ หรือตรวจ 100 คน พบติดเชื้อ 8 คน ส่วนพื้นที่ทั่วประเทศในวันนี้ (11 ส.ค.) พบติดเชื้อ 2,081 คน จากการตรวจ ATK และเข้าสู่ระบบการรักษาแบบ Home isolation

         กรณีวันนี้ ศบค.รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่ม 21,038 คน จะต้องเพิ่มยอดตรวจของ ATK 2,081 คน หรือไม่นั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ในเชิงของการยืนยัน เคสผู้ติดเชื้อตัวเลข 21,038 คน ส่วนการตรวจด้วย ATK แล้วผลเป็นบวก หรือติดเชื้อ อยู่ในเชิงการรับรู้และเข้าสู่การรักษา ยังไม่ได้รับวินิจฉัยว่าเป็น COVID-19 ยกตัวอย่างกรณีเป็นไข้หวัดใหญ่ หลายคนเมื่อเข้า รพ.จะตรวจว่าเป็นชนิดเอ ชนิดบี แต่มีอีกหลายคนที่ไม่เข้า รพ. แต่รู้ว่าตนเองมีอาการมากกว่าไข้หวัด สามารถอยู่บ้านและรักษาตัวเองจนหายได้ ซึ่งหลายคนไม่ได้รับการวินิจฉัย แต่ได้รับการรักษา

          ขณะที่กรมควบคุมโรค รายงานว่าวันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 21,038 คน ยอดป่วยสะสม 816,989 คน รักษาหายเพิ่ม 22,012 คน เสียชีวิตเพิ่ม 207 คน เสียชีวิตสะสม 6,795 คน ขณะที่ยอดติดเชื้อเข้าข่าย/ATK เพิ่ม 2,081 คน ยอดสะสม 24,000 คน ขณะนี้มีผู้ป่วยรักษาอยู่ 210,042 คน อยู่ใน รพ. 61,384 คน รพ.สนาม/Home isolation และ Community Isolation 148,658 คน อาการหนัก 5,407 คน ใช้ท่อช่วยหายใจ 1,094 คน 

สธ.ย้ำ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกทม.-ปริมณฑลน่าเป็นห่วง

           สถานการณ์โควิด 19 ที่ระบาดรุนแรงในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล  นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวผ่านเพจ “กระทรวงสาธารณสุข” เรื่อง “ผลการปฏิบัติการเชิงรุกCCR Team สธ.และทีมภูมิภาคในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล” ว่า ภารกิจกู้ภัยโควิดเชิงรุกในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง มีทีมร่วมปฏิบัติการ 41 ทีม ผู้ปฏิบัติงาน 400 คน แต่ละทีมประกอบด้วยแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและ สหวิชาชีพในการทำหน้าที่ร่วมกัน โดยทำงานเชิงรุก 4 ภารกิจหลัก คือ ตรวจ ค้นหา รักษาและฉีดวัคซีน

          ผลการปฏิบัติงานในครั้งที่ 3 ภารกิจการตรวจและค้นหาใช้ชุดตรวจ ATKมีการตรวจสะสม 145,566 ราย พบผลเป็นบวก 16,186 ราย คิดเป็น 11.1% เมื่อเปรียบเทียบผลใน 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งที่ 1 เจอผลบวก 9% ครั้งที่ 2 เจอ 16.1% ซึ่งในเรื่องความกว้างขวาง ทั่วถึงในการตรวจนั้นครั้งที่ 3 ได้มีการตรวจเข้าไปในชุมชนที่หลากหลาย ในคอนโดมิเนียม ที่พักอาศัยที่อยู่อย่างแออัด และชุมชนแออัดทั้งที่ขึ้นและไม่ขึ้นทะเบียนหลายร้อยชุมชน ผลที่เจอผู้ติดเชื้อ 11% นั้น สะท้อนว่าอัตราการติดเชื้อในชุมชนพื้นที่ กทม.และปริมณฑลยังอยู่ในระดับที่ต้องติดตามและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

          จากการประเมินอาการของผู้ติดเชื้อ พบว่า ผู้ป่วยสีเขียว สะสม 11,216 คน คิดเป็น 63.3%สีเหลือง 4,639 คน คิดเป็น 28.7% และสีแดง 331 รายคิดเป็น 2% สะท้อนว่ายังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่ยังตกค้างในชุมชนและยังเข้าไม่ถึง แม้กระทั่งในเรื่องการตรวจเพื่อวินิจฉัยตัวเองว่าติดโควิดหรือไม่ และมีการรับยาฟาวิพิราเวียร์ 9,343 คน คิดเป็น 57.7% ของผู้ที่มีผลATK เป็นบวก โดยจำนวนยาฟาวิพิราเวียร์ที่ผู้ป่วยได้รับ 467,150 เม็ด รับยาฟ้าทะลายโจร 3,614 คน คิดเป็น 22.3% ของผู้ที่มีผล ATK เป็นบวก และการฉีดวัคซีน สะสม 7,761 คน

นัดล่วงหน้า!กทม.ตั้ง 14 จุดบริการตรวจ RT-PCR ให้ผู้มีผล ATK เป็นบวก

          พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม. ได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการตรวจยืนยันผลโควิด-19 หลังจากตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง หรือรับบริการตรวจคัดกรองที่สถานพยาบาล ด้วยชุดตรวจเร็ว Antigen Test Kit หรือ ATK แล้วพบว่าผลเป็นบวก ถือเป็นผู้ป่วยเข้าข่าย ซึ่งผลที่ได้ยังไม่ 100% สามารถรับบริการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ได้ที่จุดบริการของ กทม.โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เพื่อลดความแออัดและความเสี่ยงในการแพร่ระบาด จึงขอให้โทรศัพท์นัดหมายวัน-เวลาเข้ารับการตรวจล่วงหน้ากับจุดที่ต้องการไปตรวจ (ไม่รับ walk in) เมื่อได้รับนัดหมายแล้วให้นำใบผลตรวจโควิด-19 Antigen Test Kit หรือรูปถ่าย ATK self test คู่กับบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงไปแสดง เพื่อขอตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ตามวันเวลาที่ได้รับนัดหมาย ได้ที่จุดตรวจ 14 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

          การให้บริการตรวจหาเชื้อดังกล่าว เป็นการโทรนัดหมายล่วงหน้าสำหรับประชาชนที่มีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ที่เป็นบวกเท่านั้น โดยขอความร่วมมือให้งดการเดินทางด้วยรถสาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด และดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลโดยเคร่งครัด (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เลี่ยงการอยู่ในที่แออัด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในกรณีที่มีอาการเข้าข่าย และสแกนแอพลิเคชัน “ไทยชนะ” ก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง เพื่อร่วมกันป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สมุทรปราการติดเชื้อ 1,388 คน เสียชีวิต 17 ราย

          รายงานสถานการณ์ โควิด-19 จังหวัดสมุทรปราการ วันนี้ พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,388 คน ในพื้นที่ 1,170 ราย (ACF 47 ,WI 1,123 ) แยกเป็น อ.เมือง  480 คน บางพลี  170 คน พระสมุทรฯ  152 คน พระประแดง 150 คน บางเสาธง  114 คน บางบ่อ  104 คน รับมารักษาในจังหวัดสมุทรปราการ 218 คน เสียชีวิต 17 ราย

ขยายเวลาม.40 ชำระเงินสมทบงวดแรกได้ ถึง 24 ส.ค.

          การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ล่าสุดสำนักงานประกันสังคม ได้ผ่อนผันให้ผู้ประกันตนม.40 สามารถชำระเงินสมทบงวดแรก ไปได้จนถึงวันที่ 24 ส.ค.นี้ เนื่องจากขณะนี้มีผู้ประกอบอาชีพอิสระในหลายจังหวัดสมัครและชำระเงินไม่ทัน

          ด้านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกนโยบายให้เปิดช่องทางการช่วยเหลือ ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง แบบออนไลน์ (E-Service) โดยจะโอนให้รายละไม่เกิน 3,000 บาท โดยหลังจากที่ประชาชนผู้มีสิทธิลงทะเบียนผ่านระบบแล้ว เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) จะโทรกลับเพื่อติดต่อสอบถาม และนัดหมายวันลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน จากนั้น เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านตามหลักและกระบวนการสังคมสงเคราะห์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงตามที่กรอกไว้ในระบบ

          จากนั้น เจ้าหน้าที่จะมีการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอรับเงินสงเคราะห์ฯ ว่าเป็นไปตามระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยการสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2552 หรือไม่

คุณสมบัติผู้มีสิทธิยื่นคำขอรับเงิน

-ผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน

-ครอบครัวมีรายได้น้อย จากเหตุที่หัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต ทอดทิ้ง สาบสูญ หรือต้องโทษจำคุก

-เป็นผู้ป่วยเจ็บป่วยเรื้อรัง

-เป็นผู้พิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้

-ประสบปัญหายากลำบากไม่สามารถดูแลครอบครัวได้

-เป็นคนไร้ที่พึ่ง

ขั้นตอนการยื่นคำขอรับเงิน

1. สแกน QR Code หรือ “ยื่นคำขอรับบริการ” ในเว็บไซต์: กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

2. กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

3. ถ่ายรูป แนบไฟล์เอกสาร (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสภาพปัญหา)

4. ตรวจสอบความถูกต้อง และ “กดบันทึกข้อมูล”

ฟิลิปปินส์เปิดศูนย์ฉีดวัคซีน 24 ชม.ในกรุงมะนิลา หลังไวรัสเดลตาระบาดหนัก

          ฟิลิปปินส์เปิดศูนย์วัคซีนประเภทให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทั่วทุกเขตในกรุงมะนิลา เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะไวร้สสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ  นายโจอัน คาร์บอเนลล์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดเผยว่า การเพิ่มศูนย์วัคซีน เพื่อฉีดวัคซีนในช่วงกลางคืนจะช่วยลดความแออัดของประชาชนที่ไปรับวัคซีนในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเช้าซึ่งศูนย์วัคซีนแต่ละแห่งของฟิลิปปินส์มีประชาชนเข้าแถวยาวเพื่อรับวัคซีน

         ด้านนายโรลันโด เอนริเก โดมินโก ผู้อำนวยการองค์การอาหารและยา(FDA)ของฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า FDA อนุมัติให้ใช้วัคซีนฮายัต-แว็กซ์ โควิด-19 (Hayat-Vax COVID-19)ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สำหรับป้องกันโรคโควิด-19ในกรณีฉุกเฉิน มีกรรมวิธีการผลิตคล้ายกับวัคซีนซิโนแวคจากประเทศจีน จะใช้ฉีดให้กับคนอายุ 18 ปีขึ้นไป

         ในปัจจุบัน ประชาชนกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด 110 ล้านคนของฟิลิปปินส์รับวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะที่อีกหลายล้านคนยังไม่ได้รับวัคซีน ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19 โดยฟิลิปปินส์ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มให้กับประชาชน 70 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

รัสเซียยอมรับวัคซีน Sputnik V ต้านไวรัสเดลตาลดลง

          นายมิคาอิล มูรัชโก รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัสเซีย เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า วัคซีนสปุตนิก วี(Sputnik V) ซึ่งผลิตโดยสถาบันกามาเลยาของรัสเซียมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาร้อยละ 83 นับว่าต่ำเกินคาด ก่อนหน้านี้ ทีมวิจัยวัคซีนจากสถาบันกามาเลยา ระบุในเดือนมิถุนายนว่า วัคซีน Sputnik V ป้องกันเชื้อไวรัสเดลตาสูงร้อยละ 90

         ที่ผ่านมา รัสเซียกล่าวถึงสาเหตุการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมว่า เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาและการที่ประชาชนเกิดความรู้สึกลังเลใจเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน ทำให้หลายคนไม่ไปรับวัคซีนแต่เนิ่นๆ

         ด้านนายอเล็กซานเดอร์ กินท์สเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบันกามาเลยา ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของรัสเซียในวันนี้ ย้ำว่า วัคซีน Sputnik V ปลอดภัยและสามารถใช้ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์

         ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ รัสเซียพบผู้ป่วยใหม่ 21,571 คน ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 6,512,859 คน เสียชีวิต 167,241 ราย

สธ.ยืนยันไม่ปฏิเสธรักษาผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม

          กรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า รพ.ราชวิถีปฏิเสธการรับคนไข้ถูกยิงด้วยกระสุนยางในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการณ์ชุมนุมวันที่ 10 ส.ค.

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบไปยังผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่า ไม่มีการปฏิเสธคนไข้ เมื่อมีคนไข้มารับดูแลรักษาปกติ วันนี้ (10 ส.ค.) ได้รับผู้ชุมนุมเข้าไปไปดูแลที่ห้องฉุกเฉิน 10 คนและอย่างกรณีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ก็รักษาจากการที่ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาเช่นกัน

          ด้าน นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.รพ.ราชวิถี แจ้งว่า รับรักษาผู้ป่วยทุกราย รวมถึงคนที่ร่วมชุมนุม รักษาไปหลายราย คลิปดังกล่าวไม่เป็นความจริง

ผบช.น.แถลง จับผู้ชุมนุม 48 คน ยึดรถจักรยานยนต์ 122 คัน เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 9 นาย

          พลตำรวจโท ภัครพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงสรุปการชุมนุม ของเครือข่ายแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่จัดกิจกรรม คาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมจุดเริ่มต้นคือ บริเวณแยกราชประสงค์ และเครื่องขบวนไปยัง เส้นทางต่างๆ ได้แก่ บริษัทซิโนทัย / ถนนพระราม9 บริษัท อสมท จำกัด มหาชน / King Power ซอยรางน้ำ และบางส่วนเคลื่อนไปยังไปยัง บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งในบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนโดยรอบได้ เจ้าหน้าที่จึงมีการประกาศเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม ว่าการกระทำดังกล่าวถือมีความผิดฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มใช้ หนังสติ๊ก ลูกแก้ว พลุ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงมีการโต้ตอบ จึงเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น ทำให้ เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 นาย อีกทั้งจากการ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณรอบการชุมนุม ตรวจสอบพบมีกลุ่ม พกอาวุธ อาทิ หนังสติ๊ก ลูกแก้ว ลูกเหล็ก เพื่อนำมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ชุมนุม

          จากกรณีเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและอนุสารีย์ชัยสมรภูมิ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 48 คน โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว บช.ปส. รวม จำนวน 42 คน เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีในข้อหา รวมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป / ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ /ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง / ไม่ทำตามคำสั่งเจ้าพนักงาน / เผาทำลายทรัพย์สิน โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาข้อหาเป็นรายบุคคลไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ได้ทั้งสิ้น 122 คัน บางส่วนพบไม่มีป้ายทะเบียนและ หนังสือจดทะเบียน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามาร่วมชุมนุมก็จะดำเนินคดี

         ผบช.น.ยืนยันว่า อาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ ได้มาตรฐานสากลและถูกต้องตามกฏหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนบริเวณใกล้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เจ้าหน้าที่จะพยายามเลี่ยงเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ถอนประกัน'ไผ่ ดาวดิน' ชี้ผิดเงื่อนไขซ้ำซาก

          ศาลอาญามีคำสั่งถอนประกัน นายจตุภัทร์ ภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" จำเลยที่ 7 คดีหมายเลขดำ อ.287/2564ที่มี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำคณะราษฎรและพวก รวม 22 คน เป็นจำเลยฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองชุมนุม ตามมาตรา 112 ,116 ฯลฯ

          ศาลพิเคราะห์คำร้อง ประกอบพยานหลักฐานตามเอกสารแนบท้ายแล้ว เห็นว่า หลังจากที่นายจตุภัทร์ จำเลยที่ 7 ได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้ว ก็มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ต่อศาลอาญาว่าจะไม่ไปก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมืองอีก แต่จำเลยที่ 7 กลับมีพฤติการณ์ร่วมทำกิจกรรมทำให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเป็นอย่างมาก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้ใช้เส้นทางสัญจรถนนหลวงหลายครั้งจริง อีกทั้งในสถานการณ์ขณะนี้ที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) จนถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2564 ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นควรให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 7 ให้ออกหมายขังระหว่างพิจารณาคดีดังกล่าว และแจ้งคำสั่งให้ผู้ประกันจำเลยที่ 7 ทราบ

          ก่อนหน้านี้ นายจตุภัทร์ พร้อมกับผู้ชุมนุม ได้ก่อความวุ่นวายปราศรัยขับไล่การทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมนำสีแดงไปสาดใส่ป้ายชื่อ สน.ทุ่งสองห้อง จนได้รับความหาย ก่อนถูกจับกุมตัว และฝากขังต่อศาลอาญาโดยศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาแล้ว เนื่องจากเห็นว่า นายจุตุภัทร์ได้กระทำการดูหมิ่นสถาบัน มั่วสุมชุมนุมตาม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองตามสถานที่ต่างๆ จนถูกจับกุมดำเนินคดีรวม 12 คดี หากให้ประกันตัวเกรงจะไปกระทำผิดซ้ำในลักษณะเช่นนี้อีก

หุ้นไทยร่วง 9.91 จุด ปัจจัยการเมือง

          ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,532.71 จุด ลดลง 9.91 จุด (-0.64%) มูลค่าการซื้อขาย 99,756.52 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เนื่องจากพรุ่งนี้ตลาดจะปิดทำการ ทำให้ต่างรอติดตามสถานการณ์ในประเทศก่อน เพราะการชุมนุมการเมืองช่วงนี้ถี่ขึ้น ส่งผลให้หุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็กอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไรหลังผลประกอบการออกมาตามคาด   สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตลาดฯให้น้ำหนักน้อยลง หลังจากมองว่าใกล้ถึงจุดพีคแล้ว และมีการเร่งฉีดวัคซีนได้ดีขึ้น รวมถึงจำนวนผู้หายป่วยก็มีมากขึ้นด้วย ทำให้น่าจะคลายความกังวลลงได้บ้าง

         ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐ นอกจากนี้ ดัชนีนิกเกอิยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นด้วย ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 28,070.51 จุด เพิ่มขึ้น 182.36 จุด หรือ +0.65%

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้จากปัจจัยเดียวกัน ที่ 26,660.16 จุด เพิ่มขึ้น 54.54 จุด