โต้เฟคนิวส์! สธ.ยืนยันวัคซีนไฟเซอร์ไม่มีการผสมน้ำ-รพ.ที่ขอวัคซีนได้ครบตามขอ
กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง ข้อมูลเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ถูกต้องและการจัดสรรวัคซีนให้โรงพยาบาล หลังจากที่มีการบิดเบือนข้อมูลในโลกโซเชียล กรณีการใช้น้ำผสมในวัคซีนไฟเซอร์เพื่อฉีดให้ครบ และโรงพยาบาลได้วัคซีนไม่ครบว่าเป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งชี้แจงข้อมูลจริง จากสองประเด็น
1.การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ไม่มีการผสมน้ำ มีแต่ผสมน้ำเกลือ เนื่องจากมีความเข้มข้น สูตรของวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด มีวัคซีนเข้มข้น 0.45 มล.ต้องผสมน้ำเกลือ (0.9% NSS) อีก 1.8 มล.จะได้วัคซีน 2.25 มล.ฉีดได้ 6 โดส
*จากประเด็นนี้ นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า ทุกขั้นตอนได้ทำตามคำแนะนำของบริษัทผลิตวัคซีน เป็นเหมือนกันทุกประเทศ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็มีการอบรม มีคลิปวิดีโอ ในการฉีดให้ถูกต้อง วัคซีนเป็น mRNA ทำให้ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิต่ำมาก -70 องศา มีความเข้มข้น เมื่อนำออกมาแล้ว จะนำมาผสมน้ำเกลือ ด้วยการฉีดน้ำเกลือที่ใช้ในโรงพยาบาล ที่ปลอดเชื้อ มีมาตรฐาน ไม่ผสมน้ำแน่นอน ฉีดน้ำเกลือ1.8 CC ใส่ในขวดและกลับขวดไปมา 10 รอบช้าๆ ขณะที่ การควบคุมอุณหภูมิมีความสำคัญมาก เมื่อนำออกมาจากตู้แช่แข็งแล้ว เมื่อผสมแล้วต้องฉีดให้หมดภายใน 6 ชั่วโมง 1 ขวด ฉีดได้ 6 โดส ดังนั้นในวันฉีดต้องบริหารจัดการคนให้พอดีกับวัคซีน เพราะถ้าเหลือต้องทิ้ง ไม่สามารถนำกลับไปแช่ได้
2.การจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่เข้มงวด ส่งไปสต๊อคในจังหวัดไม่ได้ จะมีการทยอยจัดส่งให้ครบตามที่แต่ละจังหวัดรวบรวมข้อมูลเสนอมา กระทรวงสาธารณสุขส่งวัคซีนล็อตแรกให้จุดฉีดแต่ละจังหวัดร้อยละ 50-60 จากจำนวนที่ขอทั้งหมด เพื่อประเมินศักยภาพจุดฉีด เมื่อฉีดได้ตามแผน จะจัดส่งเพิ่มให้ครบตามจำนวนที่ขอ
*จากประเด็นนี้ นพ.เฉวตสรร ชี้แจงเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และด่านหน้า
-การจัดสรรวัคซีนดูจากฐานข้อมูล
-จำนวนบุคลากรที่ต้องฉีด เพื่อพิจารณาจำนวนที่ถูกต้อง
-หากโรงพยาบาล แจ้งว่า ต้องการวัคซีนต่ำกว่าร้อยละ 50 จะมีการจัดสรรให้ร้อยละ 50
-หากแจ้งว่าต้องการวัคซีนระหว่างร้อยละ 50-75 จะจัดให้ตามที่ขอพอดี
-ถ้าต้องการเกินร้อยละ 75 จะส่งให้เบื้องต้นก่อนร้อยละ 75
จากนั้นทุกที่จะได้รับการจัดสรรให้ในล็อตต่อไป ทยอยให้เพิ่มเติมครบ 100% ยอมรับว่าอาจมีตกหล่นได้ ขอให้รวบรวมรายชื่อและแจ้งเพื่อขอรับวัคซีนให้ครบถ้วน ในส่วนต่างจังหวัดแจ้งไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในส่วนกรุงเทพมหานคร แจ้งที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
CR:กระทรวงสาธารณสุข
6 วัน บุกกรุง ! แพทย์ชนบท ตรวจไปแล้วกว่าแสนคน ผลบวกกว่าหมื่นคน ให้ยาฟาวิฯ-ฟ้าทะลายโจร ทันที
แพทย์ชนบท สรุปผลการลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุก 6 วัน ระหว่างวันที่ 4-9 ส.ค.64
-ประชาชนเข้ารับการตรวจด้วยชุด Antigen Test Kit ( ATK) จำนวน 117,020 คน
-มีผลบวก จำนวน 12,509 คน คิดเป็นร้อยละ 10.7
-ส่งตรวจ RT-PCR จำนวน 2,202 คน คิดเป็นร้อยละ 95.9
-ผู้ป่วยสีแดง จำนวน 286 คน คิดเป็นร้อยละ 2.3
-สีเหลือง จำนวน 3,420 คน คิดเป็นร้อยละ 27.3
-ผู้ป่วยสีเขียว จำนวน 8,803 คน คิดเป็นร้อยละ 70.4
-ผู้ป่วยรับยา Favipiravir จำนวน 7,266 คน คิดเป็นร้อยละ 58.1 ของผู้ที่มี ATK เป็นบวก รวมยา Favipiravir ที่จ่ายไป จำนวน 363,300 เม็ด
-รับยาฟ้าทะลายโจร จำนวน 2,793 คน คิดเป็นร้อยละ 22.3 ของผู้ที่มีผล ATK เป็นบวก
-คนที่ได้รับบริการฉีดวัคซีน จำนวน 5,378 คน
-ผลการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ได้ผลบวกจริง (True Positive) ร้อยละ 99.42 และได้ผลบวกลวง (False Positive) เพียงร้อยละ 0.58
-เมื่อเปรียบเทียบผลการตรวจที่เป็น ATK Positive ในการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า การดำเนินงานครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ให้ผล ATK Positive ร้อยละ 9.0, 16.1 และ 10.7 ตามลำดับ ถือเป็นสัญญาณที่ดี อัตราการติดเชื้อลดลง แต่จะดียิ่งขึ้นหากได้มีปฏิบัติการต่อเนื่อง
การดำเนินการลักษณะนี้จะมีขึ้นอีกหรือไม่ ชมรมแพทย์ชนบทและผู้เกี่ยวข้องจะพิจารณาจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้ง
CR:แพทย์ชนบท
จ.บุรีรัมย์ เอาผิดผู้ป่วย 8 คน ตั้งวงก๊งเหล้าใน รพ.สนาม
นายประเสริฐ สาวีรัมย์ สาธารณสุขอำเภอเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน EOC อ.เมืองบุรีรัมย์ สาธารณสุขจังหวัด และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แจ้งความกับ พ.ต.ท.ไชยา สระโสม พงส.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 8 คน ที่เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 64 จับกลุ่มมั่วสุมดื่มสุราในโรงพยาบาลสนาม ภายในอาคารพัสดุ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) บุรีรัมย์ (เขากระโดง) ต.เสม็ด อ.เมือง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้
-ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโรงพยาบาลสนาม อย่างชัดเจน
-เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประสานไปที่ผู้ป่วยทั้ง 8 คน ขณะนี้กลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลในภูมิลำเนา อ.ปะคำ อ.แคนดง อ.นาโพธิ์ และ อ.พุทไธสง เบื้องต้นมี 4 คน รับสารภาพว่าดื่มสุราจริง ส่วนอีก 3 คนปฏิเสธ และติดต่อไม่ได้ 1 คน ตำรวจจะเรียกตัวทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังพ้นการกักตัวแล้ว