ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการให้ข้อมูลสถานการณ์โควิดผ่านระบบออนไลน์ ถึงกรณีหลายประเทศเริ่มพบความรุนแรงของสายพันธุ์เดลตา ว่า ขณะนี้ CDC สหรัฐอเมริกา ได้ออกแนวปฏิบัติ เกี่ยวกับสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐ ว่า มีความรุนแรงขึ้น และขอให้เร่งฉีดวัคซีนให้เร็ว เนื่องจากการฉีดวัคซีนยังไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น และแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะเดียวกันโดยในอเมริกายังพูดว่า สายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น และก่อปัญหา 80-87% จากเดิมต้นเดือน มิ.ย.พบเพียง 8-14% โดยสายพันธุ์นี้แพร่กระจายเร็ว และมีแนวโน้มในการก่อปัญหาสุขภาพที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์เริ่มต้น
กราฟการระบาดของไทยจะลดได้เมื่อไหร่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า บางพื้นที่ยังไม่ทำตามมาตรการ เช่น การพบปะ การจัดกิจกรรมในโรงเรียน หรืออื่นๆ ซึ่งเมื่อเกิดคลัสเตอร์ใหม่ และระบบจัดการไม่ดีจะยุ่ง หากทุกคนกระชับได้จริง เชื่อว่าเดือน ก.ย.-ต.ค. คู่ขนานกับการฉีดวัคซีน ถ้าได้ตามเป้าหมายทะลุ 25% ภายในส.ค.ก็น่าจะได้ และจะไต่ยอดไปเรื่อยๆ ดังนั้น ช่วง ก.ย.-ต.ค. น่าจะเห็นจุดที่วัคซีนมากพอ คู่ขนานกับมาตรการต่างๆ ก็จะเห็นตัวเลขลดลง แต่ต้องไม่มีสิ่งใดๆเข้ามาก่อให้เกิดการแพร่กระจายมากขึ้น
“ถ้าตัวเลขการระบาดลดได้จริง และปลายปีมีไฟเซอร์ 20 ล้านโดสเข้ามาในประเทศไทย เชื่อว่าเราจะยื้อไปจนถึงมีวัคซีนรุ่น 2 ในปีหน้าได้ ซึ่งจะเชื่อมโยงได้ทัน แต่หากมีอะไรมากระทบอีก ก็ไม่อยากนึกว่า จำนวนจะเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงจุดพีค เพราะตัวเลขของกราฟ ไม่ว่าในกทม. หรือต่างจังหวัด ยังขึ้นอยู่ เพียงแต่บางพื้นที่ขึ้นด้วยความชันน้อยลง แต่ยังไม่วิ่งลง”
สิ่งสำคัญเราต้องดูสถานการณ์ทั่วโลกคู่ขนานกับประเทศไทย ไม่เช่นนั้นเราจัดการไม่ได้ หากทั่วโลกยังร้อน ทั้งวัคซีน ทั้งยา ก็ต้องแย่งกัน และยิ่งตอนนี้สิ่งที่หลุดไปจากความคาดการณ์แต่เดิม คือ สายพันธุ์เดลตา ไม่อยากเรียกว่า ไวรัสล้างโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก หลายประเทศย้อนกลับมาคุมใหม่หมด อย่างตัวอย่างของสหรัฐ หรืออิสราเอล หากเราไม่ช่วยกัน หากแต่ละประเทศแพร่ระบาดมากๆ และโชคร้ายมีสายพันธุ์ใหม่อีก ตอนนั้นจะยิ่งเดือดร้อน ตอนนี้จึงต้องเร่งหยุดการแพร่กระจายให้เร็วที่สุด
ส่วนในเรื่องของวัคซีนนั้น ช่วงเวลานี้ไปจนถึงปลายปียังมีการแย่งวัคซีนในแต่ละประเทศ ซึ่งวัคซีนไม่เพียงพอ อย่างการผลิตให้มากๆไม่สามารถทำได้ทัน ขณะเดียวกันยังถูกซ้ำเติมด้วยสายพันธุ์ที่กระจายเร็ว ซึ่งวัคซีนรุ่นแรกๆ อาจคุมได้แต่ประสิทธิภาพลดลง สุดท้ายพูดถึงเข็ม 3 ขณะที่วัคซีนไม่พอก็เป็นประเด็น จึงเป็นเหตุให้องค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำเข็ม 3 เพราะอยากให้ทั่วโลกได้รับวัคซีนให้เยอะพอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับบริบท ความจำเป็นของของแต่ละประเทศ