ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2564

10 สิงหาคม 2564, 07:13น.


‘หมอสุรเวช’ ย้ำขออย่าหาผลประโยชน์ หลอกว่ายังไม่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ 



          นพ.สุรเวช น้ำหอม คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อมูล เรื่องการนำยาฟาวิพิราเวียร์รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่า ทีมแพทย์และเภสัชกรพยายามจะรีบส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้เร็วที่สุดเพื่อให้คนไข้ได้ยาทานก่อนที่อาการจะเป็นมาก ในความพยายามที่จะทำให้เร็ว ก็มีคนไข้บางคนที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่ายังไม่ได้ เพื่อจะให้ทีมแพทย์ส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้อีกครั้ง จุดประสงค์เพื่อนำยาไปขายต่อ เพราะตอนนี้ราคายาฟาวิพิราเวียร์ในตลาดมืดมีราคาสูงมาก เพราะคนกลัวว่าหากการระบาดยังมากขนาดนี้ ยาอาจจะมีไม่พอ จึงมีความต้องการยามากและแน่นอนว่าการนำไปขายแบบนี้จะมีคนซื้อทันที



          ดังนั้นหากมีเหตุการณ์ที่คนไข้ได้ยาแล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้ เช่นตอนนี้ก็สามารถจับได้หลายเคสแล้วที่ทำแบบนี้ และหากมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความระแวงว่ายาจะรั่วไหล จะทำให้ต้องมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งก็จะเพิ่มทั้งเวลาในการตรวจสอบและต้อง double check ทุกครั้งที่คนไข้บอกว่าไม่ได้ยา จะทำให้คนไข้ที่ไม่ได้ยาจริงยิ่งได้รับช้าขึ้นไปอีก



CR:Dr.Surawej Numhom นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม



อภ.ปรับแผนสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ 420 ล้านเม็ด รองรับแผนจ่ายยาให้ผู้ป่วยเร็วขึ้น



          นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม ปรับแผนการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ รองรับการปรับเกณฑ์แนวทางการรักษาใหม่เพื่อจ่ายยาให้ผู้ป่วยเร็วขึ้นได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยจะมีการเพิ่มการสำรองทั้งจากยาที่องค์การเภสัชกรรมผลิตเองและจัดหาจากต่างประเทศ




-เดือนสิงหาคม-กันยายน รวม 2 เดือน จำนวน 120 ล้านเม็ด จากอินเดีย 80 ล้านเม็ด ญี่ปุ่น 40 ล้านเม็ด และอภ.ผลิตได้เอง 2.5 ล้านเม็ด ปัจจุบันเราใช้ยาเฉลี่ยวันละ 800,000 เม็ด ดังนั้น 3,000,000 เม็ดใช้ 3-4 วันก็หมดแล้ว จึงต้องเร่งรัดนำเข้ามาทุกสัปดาห์ มาเกือบทุกวัน ของมาแน่นอน เซ็นสัญญาซื้อแล้วแต่ขึ้นอยู่กับเที่ยวบิน


-เดือนตุลาคม-ธันวาคม เพิ่มอีกเดือนละ 100 ล้านเม็ด รวมจำนวน 300 ล้านเม็ด 


            อภ.เป็นผู้ดำเนินการจัดส่ง กระจายตามการจัดสรรให้กับหน่วยบริการแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ หลังจากนั้นหน่วยงานแม่ข่ายจะทำการบริหารจัดการและกระจายให้หน่วยบริการลูกข่ายในแต่ละพื้นที่


          ในวันนี้ อภ.เชิญผู้ผลิตทุกรายเข้าประชุม เพื่อสรุปแผนการส่งและเจรจาขอให้ส่งมาเป็นล็อตใหญ่ ส่วนที่ อภ.ผลิตเอง ขณะนี้ได้สั่งสารตั้งต้นแล้วจำนวนมาก โดยเดือน ก.ย.64 จะขยายการผลิตไปที่โรงงานผลิตยารังสิต 1 อภ.ตั้งเป้าไว้ว่าเดือน ต.ค. 64 ผลิตได้ 40-50 ล้านเม็ดหรือมากกว่านั้น หากได้ตามเป้าก็อาจไม่ต้องนำเข้าแล้ว และยาที่อภ.ผลิต ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ตกเม็ดละ 16 บาท ถูกกว่าราคาที่นำเข้ามาก ระหว่างนี้รอการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ในการผลิตขวดบรรจุ 50 เม็ด สำหรับผู้ป่วย 1 ราย จากเดิมที่บรรจุแผงละ 10 เม็ด


         นอกจากนี้ในเดือนนี้ ยังได้จัดหายาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) เป็น 200,000 ขวด และจะพิจารณาจัดหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอตามเกณฑ์การรักษาใหม่ โดยยาเรมเดซิเวียร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาฉีดให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ คนที่มีปัญหาในการดูดซึมยา ผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมอย่างรุนแรง ผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ได้


CR:องค์การเภสัชกรรม


ทีมโฆษกรัฐบาล ชี้แจง ปมถอดงานวิจัยฟ้าทะลายโจร เพื่อศึกษาเพิ่ม ไม่ใช่เพราะรักษาอาการโควิดไม่ได้ 



            นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล กรณียาฟ้าทะลายโจรที่มีการถอนต้นฉบับที่รอการตีพิมพ์ น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทีมนักวิจัยขอถอดงานวิจัยเพื่อรอการตีพิมพ์ออกมาก่อน เนื่องจากจะนำไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรว่าจะสามารถลดการเกิดปอดอักเสบได้หรือไม่



          ส่วนสรรพคุณการลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ชัดเจนแล้วว่าฟ้าทะลายโจรทำได้ดี เช่นตัวอย่างของกรมราชทัณฑ์ที่ใช้ในเรือนจำ เกือบ 20,000 คน ที่ผลออกมาร้อยละ 99 ที่หายจากโควิด-19 และทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้จ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ป่วยที่กักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน แบบComunity Isolation และ Home Isolation





เปิดรายละเอียด พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ คุ้มครอง 2 กลุ่ม ไม่ต้องรับผิดทั้งอาญา–แพ่ง



          รายงานระบุว่า ร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19 พ.ศ...นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) นำเสนอในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 282 วันที่ 26 ก.ค.64 สาระสำคัญคือ



 *บุคคลที่ได้รับการคุ้มครองไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย



1.บุคลากรสาธารณสุข ประกอบด้วย ผู้ประกอบโรคศิลปะ, ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข, ผู้ปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน, อาสาสมัครเฉพาะกิจ, บุคคลที่ได้รับการร้องขอจากผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อให้ปฏิบัติงานตามพระราชกำหนด และบุคคล/ คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน



2.สถานพยาบาล ได้แก่ สถานพยาบาลของรัฐ สภากาชาดไทย, สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และให้หมายความถึงสถานที่ซึ่งบุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19



*ความรับผิดที่ได้รับการคุ้มครองไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย



-ความรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา ทางวินัย และความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่



-เงื่อนไขการได้รับความคุ้มครอง กรณีการจัดหาและบริหารวัคซีน ประกอบด้วย เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ไม่ได้กระทำด้วยความจงใจให้เกิดความเสียหาย เว้นแต่กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ, ไม่ได้กระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง



          โดยมีบทเฉพาะกาล ระบุว่า บรรดาคดีที่มีมูลความผิดที่เกี่ยวเนื่องจากการให้การส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเกิดขึ้น นับตั้งแต่วันที่ประกาศกำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ให้ได้รับการยกเว้นความรับผิดทางแพ่งและอาญา ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หรือทางวินัยตามพระราชกำหนดนี้



          สำหรับประกาศกำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อนั้น ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 29 ก.พ.63 มีการเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) ระบุให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกาศ ณ วันที่ 26 ก.พ.63 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข



 



 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X