ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564

สธ.ชี้สัญญาณโควิด-19 ในกทม.เริ่มชะลอ

          สัญญาณในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19  นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายว่า

-สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ที่มีแต่ผู้ป่วยนำเข้า เป็นการติดเชื้อจากจังหวัดอื่นและกลับภูมิลำเนา ส่วนใหญ่บริหารจัดการได้ดี ผู้ป่วยรายงานตัว นำเข้าระบบรักษาและไม่แพร่เชื้อต่อ จังหวัดเหล่านี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น

-จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่อยู่บ้าง อาจต้องใช้เวลาป้องกันและควบคุมให้โรคสงบลง จากประสบการณ์ หากไม่ใช่การระบาดในวงกว้างมาก การควบคุมให้ไม่มากเกินขีดความสามารถการรักษาพยาบาลในพื้นที่ คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง และภาคใต้

-พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ น่าจะยังเป็นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  แต่กรุงเทพมหานครมีสัญญาณว่าอาจเริ่มชะลอตัว จากจำนวนผู้เสียชีวิต จำนวนไม่พุ่งก้าวกระโดด

-ข้อมูลการตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit (ATK) ตัวเลขใน 2 วันหลังนี้ พบติดเชื้อไม่เกินร้อยละ 10 ไม่ได้เพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 20 ร้อยละ 30 ไปเรื่อยๆ แสดงว่าการติดเชื้อค่อนข้างคงที่ รวมถึงฉีดวัคซีนไปจำนวนมากแล้ว

ต้นปีหน้า ประชาชนทั่วไป ได้ฉีดวัคซีนโควิด เข็ม 3 หลังฉีดบูสเตอร์โดสด่านหน้า ด่านกลาง กลุ่มเสี่ยง

         การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 นพ.โสภณ เปิดเผยว่า หลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้บุคลากรด่านหน้าที่เป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดแล้ว จะพิจารณาฉีดให้กับอื่นๆดังนี้

-กลุ่มที่มีความเสี่ยง แต่อาจจะไม่ใช่ด่านหน้า เรียกว่า กลุ่มด่านกลาง ที่มีระดับความเสี่ยงกลาง ๆ

-กลุ่มเสี่ยง จะเป็นผู้สูงวัย กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์

-ประชาชนทั่วไป จะเป็นลำดับสุดท้าย คาดว่า จะบูสเตอร์โดสกลุ่มที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ได้ในปลายปี 64 ไปจนถึงต้นปี 65

ประเมินเด็กกลุ่มเสี่ยงก่อนฉีด หลังพบเด็กป่วยโรคเรื้อรังติดโควิด-19 เสียชีวิต

        นพ.โสภณ กล่าวถึง การฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีที่เป็นกลุ่มเสี่ยง คาดว่ามีประมาณหลักแสนคน ส่วนใหญ่เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน นอกจากนี้มีโรคหัวใจ ไต มะเร็ง จะต้องประเมินเด็กก่อนว่าอยู่ในภาวะที่พร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และต้องติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที จากนั้นติดตาม 1 วันและ 7 วัน ส่วนใหญ่อาการจะแสดงในช่วง 7 วันหลังฉีด เนื่องจากยังไม่เคยฉีดให้เด็กไทยก็ต้องนำข้อมูลจากต่างประเทศมาศึกษา รวมทั้งมีระบบเฝ้าระวังผ่านหมอพร้อม หากมีอาการผิดปกติให้รีบกลับมาที่โรงพยาบาล ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เป็นภาวะที่ดูแลได้ ดังนั้นความเสี่ยงน้อยกว่าประโยชน์ที่ได้รับเพราะขณะนี้มีเด็กป่วยโรคเรื้อรังติดโควิด-19 เสียชีวิตแล้ว จึงยังไม่ฉีดให้เด็กทั่วไป แต่ฉีดเด็กกลุ่มเสี่ยงก่อน

เดือนนี้ เร่งฉีดกลุ่มเสี่ยง 608 ให้ได้  70 %

         การกระจายวัคซีนในเดือนนี้  รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงรายละเอียดว่า

-จะมีวัคซีนโควิด-19 ราว 10,000,000 โดส ทั้งจากไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค 

-การกระจายวัคซีนกว่าร้อยละ 80 ไปต่างจังหวัด

-ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งกระจายไปที่ 29 จังหวัด ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีการแพร่ระบาดหนัก โดยจะฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงสูง คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มสตรีมีครรภ์ เกิน 12 สัปดาห์ โดยจะเร่งฉีดให้ได้เร็วที่สุดร้อยละ 70 ในแต่ละพื้นที่

คนที่จองฉีดวัคซีนไทยร่วมใจรอบ 7-26 ก.ค.ให้มาฉีดวันที่ 10-14ส.ค.

         กรุงเทพมหานคร แจ้งเรื่องการฉีดวัคซีนของเพจไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัยเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและคิวฉีดใหม่ของคนที่จองคิวไว้ตั้งแต่วันที่ 7-26 ก.ค. 64 มาเป็น 10-14 ส.ค. 64

-ผู้สูงอายุ 60 ปี ที่จองคิวฉีดวัคซีนทางโทรศัพท์ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนตามที่ได้นัดหมาย รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 1ที่หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร - หอการค้าไทย

-ผู้ที่มีอายุ 18 -59 ปี ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย รอบวันที่ 7-26 ก.ค 64 ให้มาฉีดวัคซีนในวันที่ 10-14 ส.ค.64 รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 1 โดยมีรายละเอียดดังนี้

-คิวฉีดเดิม 7-10 ก.ค.64 เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันอังคารที่ 10 ส.ค. 64

-คิวฉีดเดิม 11-14 ก.ค.64 เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันพุธที่ 11 ส.ค. 64

-คิวฉีดเดิม 15-18 ก.ค. 64 เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันพฤหัสบดีที่ 12 ส.ค. 64

-คิวฉีดเดิม 19-22 ก.ค. 64 เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่ศุกร์ที่ 13 ส.ค. 64

-คิวฉีดเดิม 23-26 ก.ค. 64 เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันเสาร์ที่ 14 ส.ค. 64

          สามารถเข้าไปรับบริการฉีดวัคซีนได้ที่ 25 จุดตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ ในเวลาเดิม

          ส่วนผู้ที่มีคิวนัดหมายตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 64 เป็นต้นไป ระบบจะแจ้งคิวฉีดวัคซีนใหม่ให้ทราบทันที เมื่อได้รับการจัดสรรวัคซีน

CR:กรุงเทพมหานคร

เปิดรับผู้ป่วยวันนี้ ! กลุ่มเขียว-เหลือง รพ.สนามแสงแห่งใจ ใช้แอปฯ Kaitomm Hospital-หุ่นยนต์ปิ่นโต ส่งอาหารและยา

          จังหวัดสมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อลำดับที่ 4 จำนวน 1,137 คน ข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) เมื่อวานนี้ และติด 1 ใน 10 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ทำให้จังหวัดต้องเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม  โรงพยาบาลสนามที่เปิดล่าสุด คือ โรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ อยู่ที่ บางนา -ตราด กม.5 ซอยวัดคลองปลัดเปรียง ขนาด 450 เตียง และในวันนี้จะเปิดรับผู้ป่วยได้ทันที

         นพ.อธิวัฒน์ น้อยประสิทธิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ รับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวและสีเหลือง จากทุกจังหวัด ที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ มีทีมแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลจากกลุ่มโรงพยาบาลพิษณุเวช 3 จังหวัด พิษณุโลก พิจิตร และอุตรดิตถ์ ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ให้การดูแลผู้ป่วย มีห้องฉุกเฉิน และเตียงสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจชนิด High-Flow จำนวน 76 เตียง รองรับผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลืองเข้ม ถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงที่รองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวและกลุ่มสีเหลือง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับโรงพยาบาลหลักในจังหวัดสมุทรปราการและกรุงเทพมหานครได้

         โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยเพื่อลดการสัมผัสและรับเชื้อ เช่น  ระบบ telemedicine tablet “ไข่ต้ม ฮอสพิทอล” (Kaitomm Hospital) ใช้ในการสื่อสารกับผู้ป่วย เป็นแอปพลิเคชันที่ให้ หมอ พยาบาล วินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ เป็นการลดการสัมผัส และทำให้บุคลากรลดความเสี่ยงลงได้ และเมื่อผู้ป่วยหายกลับบ้านแล้วยังใช้ระบบนี้ในการขอคำแนะนำในการดูแลตัวเองได้อีกด้วย พัฒนาโดยบริษัทโอโบดรอยด์

         นอกจากนี้ ใช้หุ่นยนต์ปิ่นโต จัดส่งอาหาร และยา มีระบบกรองอากาศแบบ All fresh air ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ มีระบบ CCTV และระบบ Security คอยดูแลความปลอดภัยภายในโรงพยาบาล เปิดลงทะเบียนและคัดกรองผู้ป่วยผ่านเว็บไซต์ www.โรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ.com หรือโทร. Call Center 02-1167888 ระหว่างเวลา 08.00 น. -18.00 น. ทุกวัน

CR:กระทรวงสาธารณสุข