ผู้ต้องหาก่อคดีฆ่านักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตยอมรับสารภาพ ยืนยันว่าต้องการชิงทรัพย์เท่านั้น

          ความคืบหน้าการจับกุมนายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ หรือบังหลี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/7 หมู่ 3 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต คนร้ายในคดีฆ่านางนิโคล โซเวน ไวสคอป ชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 57 ปี ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และพบศพเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่น้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งนายธีรวัฒน์ ยังคงยืนยันว่าก่อเหตุโดยประสงค์ต่อทรัพย์เท่านั้น ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ และครอบครัวผู้ตาย

          พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและส่วนราชการมีข้อห่วงใยคือการเผยแพร่ภาพข่าวต่างๆ เนื่องจากได้รับทราบจากญาติของผู้ตายว่ารู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้เห็นภาพข่าว และมีความรู้สึกว่าถูกรบกวนความเป็นส่วนตัว และขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้ตาย ยอมรับว่าไม่มีสิ่งใดสามารถชดเชยความสูญเสียได้แม้ว่าจะจับกุมคนร้ายได้แล้วก็ตาม ยืนยันว่าจะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหน้าที่รักษากฎหมาย ความสงบเรียบร้อย ปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน

          พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยลำดับเหตุการณ์ว่า ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 5 สิงหาคม จากนั้นในการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเส้นทาง จากภาพกล้องวงจรปิด ทราบว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ผู้ตายเดินจากโรงแรมไปน้ำตก ซึ่งเป็นสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ซึ่งจากการตรวจสอบคนและยานพาหนะที่แล่นผ่านกล้อง จนพบยานพาหนะที่เข้าไปในที่เกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกับที่ผู้ตายเข้าไปในที่เกิดเหตุ จึงติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านพัก คือนายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี ซึ่งในช่วงแรกของการสอบปากคำ ไม่ให้ความร่วมมือ มีพิรุธหลายอย่าง จึงให้ถอดเสื้อ พบร่องรอยบาดแผลที่ลำตัว ตรวจสอบพบว่าเป็นแผลที่เกิดขึ้นมาแล้ว 3-4 วัน เมื่อจำนนต่อหลักฐานต่างๆ จึงรับสารภาพ สำนึกผิดว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าเอง โดยระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.03 น.ของวันที่ 3 สิงหาคม ได้ขึ้นไปที่น้ำตกเพื่อหาของป่า หากล้วยไม้แต่ไม่เจอสิ่งที่ต้องการ เมื่อพบผู้ตายอยู่ตามลำพัง จึงต้องการปล้น จากนั้นมีการต่อสู้กันจนผู้ตายแน่นิ่งไป จากนั้นได้นำผ้าใบและก้อนหินมาอำพราง ส่วนเงินสด 300 บาทที่พบในกระเป๋าเป้ได้นำไปซื้อยาเสพติด เครื่องดื่ม และซ่อมโทรศัพท์ ซึ่งจากการสอบถามบุคคลที่ถูกอ้างถึงพบว่า ให้การสอดคล้องทั้ง 3 คนจึงออกหมายจับผู้ต้องหา

           นายธีรวัฒน์ กล่าวว่ามีความสำนึกผิด รู้ตัวแล้วว่าการกระทำของตนเองส่งผลกระทบอย่างไร โดยเล่าว่า ในวันที่ 3 สิงหาคม ประมาณ 10.00 น.ถึง 11.00 น. ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปหากล้วยไม้พันธุ์ไม้แปลกๆ โดยไปจนถึงน้ำตกชั้นบนสุดแต่ไม่เจอพันธุ์ไม้ที่ต้องการ จึงกลับลงมา พบผู้ตายนั่งอยู่ริมทาง โดยด้านข้างมีกระเป๋า คิดว่ามีทรัพย์สินจึงเข้าไปรัดคอจากด้านหลัง เมื่อผู้ตายขัดขืนมีการต่อสู้จนตกน้ำ และรัดคอซ้ำจนผู้ตายหมดสติจึงผ้าใบพลาสติกมาปิดแล้วเอาหินมาวางทับผ้าใบ รื้อค้นในกระเป๋าพบเงินสดจำนวน 300 บาทจึงนำมา แล้วนำไปซื้อน้ำดื่มในระหว่างที่เดินทางกลับมา 40 บาท ต่อมาพบกับเพื่อนจึงนำเงินอีก 260 บาทนำไปซื้อกัญชากับบุหรี่ แล้วกลับมาบ้าน จากนั้นในวันที่ 5 สิงหาคม ได้รับทราบจากแฟนว่ามีฝรั่งเสียชีวิตที่น้ำตกอ่าวยน รู้สึกตกใจมาก มีความสำนึกผิดทุกการกระทำจึงสารภาพกับเจ้าหน้าที่ ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ และครอบครัวผู้ตายในสิ่งที่กระทำลงไป

          นายธีรวัฒน์ ยืนยันว่าต้องการชิงทรัพย์ เพราะตกงานไม่มีงานทำ มีรายได้น้อย ตอนที่ชิงทรัพย์และต่อสู้กันไม่คิดว่าจะทำให้เสียชีวิต เป็นอารมณ์ชั่ววูบ

          ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการคลี่คลายคดี จับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว ซึ่งหลังจากนี้จังหวัดภูเก็ตจะมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น

          นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ การจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นต่อโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์กลับคืนมาได้ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นนี้ยังไม่มีผลกระทบโดยมียอดจองที่พักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และททท.จะแจ้งให้ สำนักงานททท.ทั่วโลกติดตามการรายงานทั่วโลก และผลกระทบต่อไป

          นายญาณ แคธเนอร์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจสวิสเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย กล่าวขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ที่เร่งสืบสวนคดีการเสียชีวิต และจะทำให้ภูเก็ตปลอดภัยอีกครั้ง

          นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่มีการคลี่คลายคดี จับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ยืนยันว่าภาคเอกชนจะให้ความร่วมมือเพื่อสร้างความปลอดภัย และยืนยันมอบเงิน 2 แสนบาทที่เป็นเงินรางวัลนำจับ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

...