กระทรวงสาธารณสุข เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงคือผู้มีอายุ 60 ปี และ 7 โรคเสี่ยง รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ (หรือชื่อรหัส 608) ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 และจังหวัดที่เหลือให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม
นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา โดยสถานการณ์ในประเทศไทย จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจะมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ขณะที่การบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์สามารถลดการแพร่โรคได้ โดยภายในสิ้นเดือนสิงหาคม พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด จะต้องมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 70 ส่วนจังหวัดที่เหลือมากกว่าร้อยละ 50
ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลถึงวันวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 20,280,108 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 15,687,291 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 4,406,723 โดส และกระตุ้นเข็มที่ 3 ไปแล้ว 186,094 โดส สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจำนวน 1,500,000 โดส จัดสรรให้กับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าที่มีความเสี่ยงจากการดูแลผู้ป่วย ซึ่งรวมถึงนักศึกษาแพทย์-พยาบาลชั้นคลินิก เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ในสถานกักกัน โรงพยาบาลสนาม ฮอสพิเทล ห้องปฏิบัติการ และวิชาชีพอื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยโควิด และให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งชาวไทยและต่างชาติที่อาศัยในประเทศ รวมถึงผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ เป็นต้น ขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดหรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 170 แห่งทั่วประเทศ รอบแรกตั้งแต่วันที่ 4-6 สิงหาคม ส่งไปแล้ว 446,160 โดส และมีบุคลากรการแพทย์ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้วประมาณ 46,000 คน ยังไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มฉีดกลุ่มเสี่ยงใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
....