ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2564

06 สิงหาคม 2564, 19:12น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2564



"ผบ.ตร." สั่งตั้งวอร์รูม ปูพรมหาหลักฐานมัดคนร้ายฆ่าโหด"แหม่มสวิส"



          เหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวชาวสวิสเซอร์แลนด์ นางสาวนิโคล ซาเว่น ไวครอป์ อายุ 57 ปี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)  เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้ระดมผู้มีความชำนาญ ลงมาช่วยเสริม มีทั้งในส่วนของพิสูจน์หลักฐานกลาง จากกรุงเทพ นิติเวช มาช่วย ร่วมกับแพทย์ที่นี่ ชันสูตรศพ โดยละเอียด เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ในส่วนของทีมสืบสวนก็มีจากส่วนกลางลงมา จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองปราบปราม ตร.ภาค 8 นำทีมสืบจากภาค 8 ตร.ท่องเที่ยว ตม .โดยได้ในส่วนของการทำงาน มีการแบ่งหน้าที่ในการทำงาน

          ขณะนี้ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวคนร้าย ยังตอบไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาในการสืบสวนเท่าไหร่ แต่มีการบ้านที่ต้องทำมากมาย จะมีการเปิดศูนย์ที่นี่และจะมีการทำงานตลอด 24 ชม. จนกว่าจะจับกุมคนร้ายได้ และยังไม่มีการสรุปประเด็นใด เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไปไม่ถึงสาเหตุการเสียชีวิต

          กรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องสงสัยเป็นแรงงานต่างด้าวที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุนั้น ไม่อยากให้ฟันธงว่าเป็นใคร ตอนนี้ตำรวจตรวจสอบคนที่มีความเป็นไปได้ ที่เข้าถึงที่เกิดเหตุทุกคน ซึ่งมีการแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบกันเรียบร้อยแล้ว

          ซึ่งจากพยานหลักฐานทำให้เชื่อว่า เป็นการฆาตกรรม ส่วนรายงานชันสูตร ขอรอฟังจากพิสูจน์หลักฐาน เพราะการเก็บหลักฐานต้องใช้เวลา ส่วนผู้เสียชีวิต มีร่องรอยการล่วงละเมิดหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอจนกว่าจะได้ข้อยุติก่อน

          พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้จับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ และให้รายงานทุกระยะ เพื่อนำความเชื่อมั่นกลับมา ส่วนกรณีของกล้องวงจรปิดถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ เบื้องต้นในกล้องวงจรปิดเห็นผู้เสียชีวิตเข้าไปเพียงคนเดียว ส่วนหลังจากนั้นมีใครอีกบ้างหรือไม่ และจำนวนมากน้อยแค่ไหน ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด



          นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา  เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ล่าสุดได้ทำจดหมายแสดงความเสียใจไปที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์แล้วยอมรับว่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของไทยต้องด่างพร้อย และกระทบกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แน่นอน ตอนนี้ได้ขอความร่วมมือทุก ๆ ฝ่าย โดยเฉพาะทางฝ่ายความมั่นคงช่วยกันดูแลความปลอดภัยเข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นในพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และขยายผลไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วย



แรงงานต่างด้าวไหลเข้าทั้งที่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผบ.ตร.สั่งย้ายผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก



          พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2564 ให้พ.ต.อ. ภูเบศ แสงอร่าม ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรแม่สอด จ.ตาก ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 2 ตร.หรือ ศปก.ตร.โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการ ศปก.ตร.มอบหมาย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง



          มีรายงานว่าคำสั่งดังกล่าวเกิดจากในพื้นที่ดังกล่าวตรวจสอบพบมีการปล่อยปละละเลยให้มีการทะลักผ่านเข้ามาของแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมากในช่วงที่มีประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับมีปัญหาขัดแย้งกับฝ่ายปกครองจึงมีคำสั่งดังกล่าวขึ้น 



หมอประสิทธิ์ พร้อมดำเนินคดี สื่อโซเชียล ที่ทำให้คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราช เสียหาย



          หลังศาลแพ่งมีคำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวห้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค.ให้ถอนคำสั่งการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯใช้ข้อกำหนดที่ 29 ให้อำนาจคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคม (กสทช.) ตัด-เน็ต ดำเนินคดีสื่อออนไลน์ กรณีเฟคนิวส์   เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น



          ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ออกประกาศคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในสื่อและสื่อโซเชียล ตลอดจนการแสดงออกที่มีลักษณะเข้าข่ายทำผิดต่อกฎหมาย อันทำให้เกิดความเสียหายต่อคณะฯ หรือบุคลากรของคณะฯ



          ก่อนหน้านี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีนโยบายสนับสนุนให้บุคลากรคณะฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไปให้ข้อคิดเห็นหรือข้อมูลด้านวิชาการ ตามคำขอของหน่วยงานภาครัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อมูลทางด้านวิชาการ ก่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง ปราศจากการมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมทำงาน แต่ปรากฏว่า มีการแสดงความเห็นส่วนบุคคลหรือของกลุ่มบุคคล เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในสื่อ และสื่อโซเชียล ตลอดจนมีการใช้พื้นที่ภายในคณะฯ ติดประกาศข้อความพาดพิงถึงคณาจารย์ โดยใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม มีลักษณะเนื้อหาไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการเผยแพร่ ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน รวมไปถึงมีการข่มขู่ คุกคาม ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอันนำมาซึ่งความเสียหายต่อคณะฯ และบุคลากรของคณะฯ ที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย



          คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ขอยืนยันหลักการเคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงคิดเห็นและการแสดงออกส่วนบุคคล บนพื้นฐานของความถูกต้อง เหมาะสมตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่เพื่อมิให้มีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ตลอดจนความเสียหายต่อคณะฯ



กทม.เร่งดำเนินการ รับมือยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น



          สถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.ซึ่งมีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ผู้ป่วยในสัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 2,000 ราย และเมื่อวันที่ 5 ส.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 คน ล่าสุดวันที่ 6 ส.ค.จำนวน 4,000 คน ซึ่งค่อนข้างจะสูง ประกอบกับการตรวจเชิงรุกค่อนข้างจะมาก และพยายามที่จะค้นหาผู้ป่วย โดยใช้ทั้ง ATK และ RT- PCR เพิ่ม ดังนั้นคาดว่าช่วงเดือนส.ค.นี้ตัวเลยจำนวนผู้ติดเชื้อจะมีค่อนข้างมากอย่างแน่นอน ดังนั้นกทม.จึงต้องดำเนินการใน 3 ด้านโดยเร่งด่วน



-คือลดอัตราการเคลื่อนไหว โดยกทม.ร่วมกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ลดอัตราการเคลื่อนไหว มีการออกมาตรการที่มีความเข้มข้นต่างๆ ไม่ว่าจะปิดสถานที่สำคัญ การห้ามเคลื่อนย้ายคน เป็นสิ่งที่ต้องทำภายใน 1-2 เดือนนี้



-เพิ่มศักยภาพการรองรับของสถานพยาบาล จากเดิมบางแห่งรับผู้ป่วยสีเขียว บางแห่งรับเหลือง บางแห่งรับผู้ป่วยสีแดง แต่ได้ปรับเปลี่ยนให้ทุกโรงพยาบาลของ กทม.รับผู้ป่วยสีเหลืองและแดงทั้งหมด โดยสีเขียวให้เป็น Home Isolation (HI) ถ้าไม่สามารถ HI ได้ ก็จะให้ไปที่ Community Isolation (CI) โดยเพิ่มศักยภาพเป็นศูนย์พักคอยกึ่งโรงพยาบาลสนามหรือ ที่เรียกว่า CI Plus มีอยู่ประมาณ 7 แห่ง



-การฉีดวัคซีน



สธ.ตั้งคณะกรรมการรองรับจัดหาออกซิเจน รับมือผู้ป่วยสีเหลือง



          การยกระดับเตียงสีเขียว ให้เป็นเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยอาการสีเหลือง นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการเปิดขออนุญาตมา 137 แห่ง แต่ดำเนินการจริงประมาณ 115 แห่ง มีเตียงประมาณ 4 หมื่นเตียง ตามนโยบายเรารู้ว่าผู้ป่วยอาการเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองมากขึ้น ดังนั้นจึงให้ผู้รับชอบมีการปรับปรุงมาตรฐานจากเดิมที่รับเฉพาะสีเขียว ก็ให้ปรับประมาณ 10% ของเตียงสีเขียวมาเป็นเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยอาการสีเหลือง ทำให้ตอนนี้เรามีเตียงสีเหลืองในฮอสพิเทลประมาณ 4 พันกว่าเตียง ก็แบ่งเบาภาระรพ.หลักออกไป โดยมีการนำออกซิเจนเข้าไป มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มมากขึ้น



         ในส่วนของออกซิเจน และถังออกซิเจนมีเพียงพอหรือไม่ นพ.ธเรศ กล่าวว่า ผู้ป่วยเมื่อมีอาการมากขึ้น กลุ่มอาการสีเหลือง สีส้ม และสีแดง จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในการบำบัด ประคับประคอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงได้ตั้งคณะทำงานบริหารจัดการแก๊สทางการแพทย์ ร่วมกันกับทั้งฝั่งผู้ใช้ รพ. มหาวิทยาลัยต่างๆ และฝั่งผู้ผลิต บริษัทผลิตออกซิเจนเหลวขนาดใหญ่ รวมทั้งกลุ่มขนส่ง มาหารือร่วมกัน โดยสรุปอัตราป่วยขณะนี้ กับปริมาณออกซิเจนเหลว ที่ใช้ทางการแพทย์ยังเพียงพอ และสามารถปรับเปลี่ยนระบบแก๊สทางการแพทย์ที่ผสมกันระหว่างแก๊สทางอุตสาหกรรม และแก๊สทางการแพทย์ ให้เปลี่ยนมาผลิตแก๊สทางการแพทย์ได้อีกระดับหนึ่ง คล้ายระบบสำรอง



เปิดยาแผนไทย รักษาโควิด-19



          นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า เพื่อรองรับแนวทางการรักษาแบบ Home Isolation จากวิกฤตเตียงเต็มของหน่วยบริการและทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีไม่เพียงพอต่อการตอบสนองปัญหาการแพร่ระบาด



          สำหรับแนวทางให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่ต้องรักษาอาการอยู่ที่บ้าน Home Isolation แบ่งเกณฑ์การรักษาออกเป็น



-กลุ่มผู้ป่วยไม่มีอาการ เน้นให้ยาฟ้าทะลายโจร (ยาผงบด) ยาเสริมรักษาตามสมุฎฐาน ได้แก่ ยาห้าราก 1.0 – 1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ยาเขียวหอม 1.0 กรัม ทุก 3-4 ชั่วโมง เมื่อมีอาการกระหายน้ำ



-กลุ่มมีอาการน้อย มีอาการอ่อนเพลีย มึนงง คอแห้ง ไอเจ็บคอ มีน้ำมูก เบื่ออาหาร ปวดเมื่อย อุณหภูมิร่างกาย ต่ำกว่า 37.5 องศาเซลเซียส เน้นให้ยาหลักเป็นยาฟ้าทะลายโจร (ยาผงบด) ยาเสริมรักษาตามสมุฎฐาน ได้แก่ ยาห้าราก 1.0 – 1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ยาจันทน์ลีลา 1.0 – 2.0 กรัม ทุก 3 – 5 ชั่วโมง เมื่อมีอาการไข้ ยาเขียวหอม 1.0 กรัมทุก 3 – 5 ชั่วโมง เมื่อมีอาการกระหายน้ำ



-กลุ่มมีอาการไข้ มีอาการไอ เจ็บคอ น้ำมูก ปวดเมื่อย ตัวร้อน อุณหภูมิร่างกาย 



37.5 – 38.0 องศาเซลเซียส ยาฟ้าทะลายโจร ยาเสริมรักษาตามสมุฎฐาน ได้แก่ ยาห้าราก 1.0 – 1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง  ก่อนอาหาร ยาจันทน์ลีลา 1.0 – 2.0 กรัมวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ยาประสะจันทน์แดง 1.0 กรัม ทุก 3 – 4 ชั่วโมง  เมื่อมีอาการไข้



 เร่งทำความเข้าใจ เผาศพโควิด-19 วัดใกล้บ้าน เชื้อไม่แพร่กระจาย



        การลงพื้นที่สำรวจเตาเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 189 วัด ทำการสำรวจแล้วรวม 31 วัด แบ่งเป็น จังหวัดกรุงเทพฯ ทั้งหมดจำนวน 92 วัด สำรวจแล้ว 9 วัด, ปทุมธานี ทั้งหมดจำนวน 55 วัด สำรวจแล้ว 3 วัด และนนทบุรี ทั้งหมดจำนวน 42 วัด สำรวจแล้ว 19 วัด



          โดยการลงพื้นที่สำรวจเตาเผาศพผู้เสียชีวิตโควิด-19 ได้ทำการสำรวจด้านต่างๆ ดังนี้ จำนวนเตาเผา, จำนวนหัวเผา, สภาพโครงสร้าง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง, เชื้อเพลิง, ค่าใช้จ่าย, ข้อมูลการติดต่อ, ศักยภาพการเผาต่อวันในสภาพปกติ และกรณีฉุกเฉิน, บุคลากรและเจ้าหน้าที่ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่างๆ โดยศักยภาพสูงสุดของเตาเผาศพ 1 เตา สามารถเผาได้ 4 ศพ/วัน



          นอกจากนี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้จัดทำระบบ GIS แสดงข้อมูลวัดที่ให้บริการเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เนื่องจากพบปัญหาวัดบางแห่งรับบริการเผาศพมากเกินจำนวน จึงอยากให้ทางโรงพยาบาล และญาติผู้เสียชีวิตสามารถค้นหาข้อมูล เพื่อกระจายการดำเนินการเผาศพไปยังวัดอื่น ๆ ต่อไป



          ส่วนการตรวจสอบความปลอดภัยในบริเวณชุมชนโดยรอบวัดที่ให้บริการเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้ว หากเตาเผาศพมีปัญหาใด ๆ จากข้อมูลของกรมฯ พบว่ามีบริษัทผลิตและจำหน่ายเตาเผาศพ 7 บริษัท ที่ยังมีสต็อกเพียงพอ และสามารถให้บริการติดตั้งได้ภายใน 1-2 สัปดาห์



หุ้นไทยยังผันผวน เงินบาทอ่อนค่า



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,521.72 จุด ลดลง 5.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 82,728.30 ล้านบาท หุ้นไทยวันนี้ผันผวน รับจิตวิทยาจากเงินบาทอ่อนค่าเร็ว อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศยังหนัก จึงเกิดความไม่แน่ใจในแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะมีมาก/น้อยแค่ไหน อีกทั้งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเทรดสัปดาห์นี้ นักลงทุนจึงขายลดความเสี่ยงเพื่อรอดูสถานการณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ อย่างไรก็ดี หุ้นหลายตัวก็เริ่มมีความน่าสนใจในแง่ Valuation และยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวด้วย



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของญี่ปุ่น แต่ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนรอดูการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ค.ของสหรัฐฯในวันนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,820.04 จุด เพิ่มขึ้น 91.92 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานจะพุ่งขึ้น 926,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,179.40 จุด ลดลง 25.29 จุด



CNN ไล่ออกพนักงาน 3 คน เหตุไม่ฉีดวัคซีนก่อนกลับเข้าออฟฟิศ



          นายเจฟฟ์ ซัคเคอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซีเอ็นเอ็น สื่อรายใหญ่ของสหรัฐฯ ส่งหนังสือแจ้งการไล่ออกพนักงาน 3 คน ฐานละเมิดนโยบายของบริษัทด้วยการกลับเข้ามาทำงานที่สำนักงานทั้งที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และเป็นการเตือนให้พนักงานตระหนักถึงข้อกำหนดให้ฉีดวัคซีนก่อนกลับเข้าสำนักงานหรือออกไปทำข่าว เนื่องจาก พวกเขามีโอกาสที่จะสัมผัส ติดต่อกับพนักงานคนอื่นๆโดยในขณะนี้สำนักงานส่วนใหญ่ของซีเอ็นเอ็น เปิดทำการแล้ว แต่ได้เลื่อนกำหนดเวลาให้พนักงานทั้งหมดกลับเข้าสำนักงานในวันที่ 7 กันยายนนี้ออกไปจนถึงกลางเดือนตุลาคมนี้



          ส่วนกลุ่มพนักงานฝ่ายข่าวกว่า 1 ใน 3 ที่กลับเข้าสำนักงานแล้ว จะมีเฉพาะพนักงานทุกคนที่อยู่ในสำนักงานในแอตแลนตา วอชิงตัน และลอสแอนเจลิส จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นเมื่อรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรืออยู่ในพื้นที่ส่วนตัวที่มิดชิด ส่วนสำนักงานแห่งอื่นๆ ที่ไม่ได้บังคับให้สวมหน้ากากอนามัย แต่พนักงานก็ควรจะสวมหน้ากากอนามัยโดยไม่ต้องรู้สึกกังวลกับการตอบโต้หรือการตัดสินจากเพื่อนร่วมงาน



เกาหลีใต้ประกาศขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไปอีก 2 สัปดาห์สกัดโรคโควิด-19



          นายกรัฐมนตรีคิม บู-คยุม ของเกาหลีใต้ แถลงในวันนี้ว่าเกาหลีใต้จะขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ต่อไปอีก 2 สัปดาห์ คือ จนถึงวันที่ 22 สิงหาคมนี้ บังคับใช้ในกรุงโซล,จังหวัดคย็องกีและเมืองอินชอนทางภาคตะวันตกของประเทศ เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นร้ายแรง พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในหลายท้องที่ และมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น 2 เท่าในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คือคนวัยหนุ่มสาวที่ยังไม่รับวัคซีน



          มาตรการนี้จะเป็นการห้ามประชาชนรวมกลุ่มเกิน 2 คน หลังเวลา 18.00 น.



          ส่วนท้องที่อื่นๆ ห้ามประชาชนรวมกลุ่มเกิน 4 คนพร้อมทั้งปิดสถานบันเทิง เช่น บาร์และไนท์คลับ และให้ปิดโรงเรียนเป็นการชั่วคราว โดยให้จัดการเรียนเป็นแบบออนไลน์ 



          นายกรัฐมนตรีเปรียบเทียบสถานการณ์ของโควิด-19 ในเกาหลีใต้ว่า ที่ผ่านมา สามารถควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมได้แล้วคือ สามารถดับต้นเพลิงที่ลุกไหม้บ้านเรือนได้แล้ว ด้วยความอดทนและความร่วมมือจากประชาชน แต่เปลวไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่กลับมาติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง เปรียบเสมือนการแพร่ระบาดที่ยังไม่สิ้นสุดโดยสิ้นเชิง เกาหลีใต้จึงพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนระลอกใหม่เป็นระยะ 



         ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ เกาหลีใต้พบผู้ป่วยใหม่ 1,704 คน ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 207,406 คน เสียชีวิต 2,113 ราย



บาร์เซโลน่า ยกเลิกสัญญา กับ เมสซี



          บาร์เซโลน่า ยืนยันว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาฉบับใหม่กับ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอาร์เจนตินาได้ เนื่องจากอุปสรรคทางด้านการเงินของทีม ปิดฉากช่วงเวลา 21 ปีเต็มกับสโมสร เมสซี่ หมดสัญญากับทีม "อาซูลกราน่า" ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า ลิโอเนล เมสซี่ ตอบรับในการเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ บาร์เซโลน่า เป็นเวลา 5 ปีเต็ม และพร้อมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงครึ่งหนึ่ง เพื่อช่วยพยุงสถานะทางการเงินของทีม

          แต่แล้วล่าสุด บาร์เซโลน่า ร่อนแถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียของสโมสร ระบุว่า ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาฉบับใหม่กับ ลิโอเนล เมสซี่ ได้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายมีความตั้งใจที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่กันก็ตาม เนื่องจากข้อบังคับทางด้านการเงินของทาง ลาลีกา สเปน ที่เข้มงวด



          หลังจากนี้หลายฝ่ายต่างจับตามองว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะตัดสินใจอย่างไรกับอนาคตการค้าแข้งของตัวเองจากการที่ไม่สามารถเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมาได้

          สำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ ย้ายจากนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ มาอยู่กับแคมป์ลามาเซียของบาร์เซโลน่า ตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวอายุเพียง 13 ปี ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ ในปี 2004 จนกลายเป็นตำนานของสโมสร เป็นนักเตะที่ยิงประตูมากสุด และลงสนามมากสุดตลอดกาลของทีม โดยทำไปทั้งหมด 672 ประตู จากการลงเล่น 778 เกมในทุกรายการ

          นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมาย คว้าแชมป์ลาลีกา สเปน 10 สมัย, แชมป์โคปา เดล เรย์ 7 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 4 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย, สโมสรโลก 3 สมัย

ข่าวทั้งหมด

X