*ถกสันติภาพในยูเครน/เจาะระบบนิวส์วีคขู่ฆ่าโอบามา+ครอบครัว/เด็กญี่ปุ่นติดมือถือ*

11 กุมภาพันธ์ 2558, 06:13น.


 *ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.



+++เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่าเกิดเหตุสู้รบอย่างดุเดือดในเมืองครามาตอร์สก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มกบฏพยายามจะชิงความได้เปรียบก่อนการเจรจาสันติภาพที่จะมีขึ้นในกรุงมินสก์ของเบลารุสในวันพรุ่งนี้ มีพลเรือนเสียชีวิต 5 คนและบาดเจ็บรวม 26 คน รวมถึงทหาร 10 คน หลังกลุ่มกบฏได้ยิงปืนใหญ่ยังสำนักงานใหญ่ของกองทัพฯและย่านที่อยู่อาศัยในเมืองดังกล่าวขณะเดียวกัน กองพลอาซอฟ ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครของยูเครนได้ปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อปราบปรามกลุ่มกบฏในพื้นที่รอบเมืองมาริอูโปล ที่ผ่านมา มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 5,400 คนนับตั้งแต่เกิดเหตุรุนแรงในยูเครนเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครน รัสเซีย ฝรั่งเศสและเยอรมนีหวังจะประชุมกันที่กรุงมินสก์ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเรื่องข้อตกลงสันติภาพในยูเครน หลังเกิดเหตุสู้รบต่อเนื่องมาหลายเดือน



+++ด้านรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของชาติตะวันตกและยูเครนเรื่องการจัดส่งทหารและอาวุธให้แก่กลุ่มกบฏยูเครน พร้อมเตือนชาติตะวันตกว่า การส่งอาวุธให้แก่กองกำลังรัฐบาลยูเครนยิ่งจะทำให้สถานการณ์แย่หนักยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯระบุเมื่อวานนี้ว่าสหรัฐฯไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดส่งอาวุธร้ายแรงให้แก่รัฐบาลยูเครน หากการแก้ไขปัญหาโดยแนวทางการทูตล้มเหลว



+++เอเอพีรายงานอ้างประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาดของซีเรียที่ให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวบีบีซีว่า บุคคลที่ 3 รวมถึงอิรักเป็นผู้แจ้งข่าวให้ซีเรียทราบเรื่องปฏิบัติการของสหรัฐฯและพันธมิตรในการโจมตีทางอากาศยังที่มั่นกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในซีเรีย ระบุว่าซีเรียไม่เคยติดต่อโดยตรงกับสหรัฐฯ นับตั้งแต่เริ่มการโจมตีทางอากาศยังกลุ่มไอเอสในซีเรียเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน เมื่อถูกถามว่ามีการร่วมมือกันโดยอ้อมบ้างหรือไม่ เขากล่าวว่า อาจจะมี แต่โดยผ่านบุคคลที่ 3 รวมถึงอิรักและประเทศอื่นๆเป็นผู้แจ้งให้รัฐบาลซีเรียทราบในบางครั้ง แต่เป็นข้อมูลทั่วๆไป ไม่ใช่ข้อมูลเรื่องกลยุทธ์ทางทหาร นายอัสซาดกล่าวว่ารัฐบาลซีเรียทราบเรื่องปฏิบัติการของสหรัฐฯและพันธมิตรมาก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการจริงๆในซีเรีย แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียด เมื่อถูกถามว่า มีการเจรจาผ่านบุคคลที่ 3 โดยต่อเนื่อง หรือไม่ เขากล่าวว่าไม่เคยมีการจรจากัน เรียกได้ว่าแจ้งข้อมูลเพื่อทราบเท่านั้น ไม่ไช่การเจรจา



+++แฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า "ไซเบอร์กอหลิบ" เจาะระบบบัญชีทวิตเตอร์ของนิตยสารนิวส์วีค ข่มขู่บารัค โอบามา และครอบครัวเมื่อวันอังคาร(10ก.พ.) พร้อมกับถ้อยคำ "Je suIS IS" ซึ่งอ้างถึงพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) และเหตุโจมตีนองเลือดที่ชาร์ลี เอ็บโด นิตยสารฝรั่งเศส ขณะที่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันการเสียชีวิตของเคย์ลา จีน มูลเลอร์ ที่ถูกไอเอสจับเป็นตัวประกันในซีเรีย และประกาศตามล่าผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษ แฮกเกอร์กลุ่มนี้ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเจาะระบบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของเพนตากอนเมื่อเดือนที่แล้ว ทวีตข้อความว่า "ไซเบอร์กาหลิบ วันวาเลนไทน์นองเลือด #มิเชล โอบามา! เรากำลังเฝ้ามองคุณ ลูกของคุณและสามีของคุณ" บัญชีทวิตเตอร์ของนิตยสารนิวส์วีคหลังจากถูกเจาะ เป็นภาพของคนเอาผ้าลายขาวดำโพกพันศีรษะปิดบังใบหน้า อยู่ด้านข้างข้อความ "ไซเบอร์กอหลิบ" พวกมือแฮกเกอร์ ยังโพสต์ข้อความที่แสดงความตั้งใจแก้แค้นสหรัฐฯ ต่อการกระทำต่างๆของวอชิงตันในโลกมุสลิม "ขณะที่สหรัฐฯและบริวารกำลังเข่นฆ่าพี่น้องของเราในซีเรีย อิรักและอัฟกานิสถาน เราจะทำลายระบบความมั่นคงทางไซเบอร์ของชาติของคุณจากภายใน" 



+++สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะกลับมาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส)อีกครั้ง หลังได้ระงับไปจากกังวลว่ากำลังพลจะถูกจับเป็นตัวประกันเหมือนกับนักบินจอร์แดน  ปฏิบัติการจู่โจมของยูเออีมีขึ้น หลังจากประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย เผยว่าดามัสกัสได้รับแจ้งเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อต้านไอเอสในซีเรียแล้ว แต่ก็บอกว่าหากพันธมิตรนานาชาติจริงจังกับเรื่องนี้ก็ควรให้ความช่วยเหลือรัฐบาลของเขา



 +++คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นลงมติในวันอังคาร (10 ก.พ.) รับรองแนวทางปฏิบัติฉบับใหม่ ในการให้ความช่วยเหลือต่างชาติ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในรอบ 12 ปี และยังเป็นครั้งแรกที่มีการระบุชัดเจนว่า จะอนุญาตการสนับสนุนกองทัพต่างชาติ แม้จำกัดความช่วยเหลือเฉพาะภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทหารก็ตาม ทั้งนี้เป็นไปตามแผนเพิ่มบทบาททางการทูตและความมั่นคงของญี่ปุ่น เป้าหมายสำคัญอันดับแรกจะอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันท่ามกลางอิทธิพลที่โตวันโตคืนของแนวทางปฏิบัติฉบับใหม่ว่าด้วยความช่วยเหลือต่างประเทศ ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ยังขยายความช่วยเหลือในการพัฒนาอย่างเป็นทางการไปยังประเทศมั่งคั่งด้วย  การรับรองแนวทางใหม่นี้มีขึ้นประจวบกับที่จีนตัดสินใจขยายความช่วยเหลือให้แก่ต่างชาติ โดยเฉพาะในประเทศแอฟริกาที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ 



+++แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล กรีซ  นายปานอส คัมเมนอส รัฐมนตรีกลาโหมของกรีซบอกว่า ว่า รัฐบาลกรีซอาจจะไปขอกู้เงินจากสหรัฐฯ รัสเซีย จีนหรือประเทศอื่นๆ ถ้าหากว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกู้เงินครั้งใหม่กับกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร(ยูโรโซน) นายคัมเมนอส หัวหน้าพรรคอินดีเพนเดนท์ กรีกส์ พรรคร่วมรัฐบาลขนาดเล็ก กล่าวว่ากรีซจำเป็นต้องใช้แผนบีคือการหาแหล่งเงินทุนอื่นๆ หากถ้าข้อเสนอของกรีซถูกปฏิเสธจากยูโรโซน   แม้ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีระบุว่าเธอจะรอดูก่อนว่า แผนการที่กรีซจะนำเสนอในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังอียูในวันนี้เป็นมาตรการที่ยั่งยืนหรือไม่ ในปัจจุบันหนี้ของกรีซมีจำนวนกว่า 3 แสน 2 หมื่นล้านยูโร หรือร้อยละ 174 ของจีดีพี 



+++ดัชนีหุ้นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในวันนี้ จากความหวังว่าจะมีข้อตกลงเพื่อให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้สาธารณะได้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 139.55 จุด ที่ 17868.76 จุด ส่วนราคาน้ำมันดิบไลค์สวีทครูซตลาดนิวยอร์คปิดตลาดที่ 50.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเบรนท์ ตลาดลอนดอน ปิดตลาดลดลง 1 เหรียญ 40 เซนต์ อยู่ที่ 56 เหรียญ 94 เซนต์ ราคาทองคำโคเม็กซ์ ปรับตัวลดลง 7.80 เหรียญสหรัฐ ปิดที่ 1,233.70 เหรียญสหรัฐ /ออนซ์



+++สำนักข่าวซีเอ็นเอของไต้หวัน รายงานว่า ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีเหมา จื้อกั๋ว คณะรัฐมตรีและข้าราชการระดับสูงของไต้หวัน ได้ร่วมพิธีศพที่จัดขึ้นโดยสำนักงานฌาปกิจศพของกรุงไทเป เพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินของทรานส์เอเชียแอร์เวย์ตกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายหม่าได้โค้งศรีษะคำนับต่อหน้าแท่นตั้งศพผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกัน สถานที่ราชการทั่วประเทศมีการติดธงครึ่งเสาเพื่อร่วมไว้อาลัยเช่นกันก่อนหน้านี้ เครื่องบินเทอร์โบพรอบรุ่น เอทีอาร์ 72-600 ของทรานส์เอเชียประสบอุบัติเหตุตกในแม่น้ำคีหลุงในกรุงไทเป ไม่กี่นาทีหลังการบินขึ้นจากสนามบินไทเปซงชาน ในจำนวนคนบนเครื่อง 58 คน รวมถึงลูกเรือ 5 คน พบผู้เสียชีวิต 40 ศพ ยังสูญหายอีก 3 คน และรอดชีวิต 15 คน แม้ว่าอุณหภูมิจะลดลงโดยต่อเนื่อง แต่ทีมค้นหาและกู้ภัยยังคงค้นหาผู้สูญหายอีก 3 คน รวมถึงพลเมืองชาวจีน 2 คนและชาวไต้หวัน 1 คน



+++เครื่องบินของสายการบินยูเอส แอร์เวย์ ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินจอร์จบุชอินเตอร์คอนติเนนตัลในฮิวสตัน มลรัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากฐานล้อไม่กาง ทำให้เครื่องบินครูดไปกับรันเวย์จนเกิดประกายไฟ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต วิดีโอภาพเหตุกาณ์ เผยให้เห็นประกายไฟกระเด็นออกจากเที่ยวบิน 1825 ก่อนจะจอดนิ่งบนทางวิ่ง หลังจากต้องลงจอดฉุกเฉินในสภาพที่ฐานล้อไม่กาง ณ สนามบินจอร์จบุชอินเตอร์คอนติเนนตัล  รายงานข่าวระบุด้วยว่าต่อมาผู้โดยสารได้ถูกอพยพลงผ่านทางลาดอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้โดยสารคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่น แต่ก็เชื่อว่าอาการไม่หนักมาก



+++ศาลฏีกาของมาเลเซียได้ยกคำร้องอุทธรณ์ของนายอันวาร์ อับราฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้านวัย 67 ปีในคดีที่เขาถูกตัดสินเมื่อปี 2547 ว่าผิดฐานร่วมเสพสังวาสกับอดีตผู้ช่วยชายของเขา พร้อมทั้งยืนตามคำตัดสินจำคุก 5 ปีของศาลอุทธรณ์ ทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงสมัครส.ส.ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าในปี 2561

ก่อนหน้านี้ นายอันวาร์ เคยเป็นอดีตนักการเมืองดาวรุ่งของพรรครัฐบาลในช่วงกลางปี 2533 ก่อนที่จะผิดใจกับอดีตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคือ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้ปฏิเสธข้อหาดังกล่าว ระบุว่าคดีมีมูลเหตุจูงใจเพื่อเอาผิดทางการเมือง ด้านรัฐบาลมาเลเซียระบุในแถลงการณ์ว่าคดีนี้เริ่มต้นจากการที่เอกชนคือ อดีตผู้ช่วยของนายอันวาร์เองเข้าแจ้งความกับตำรวจ ไม่ใช่รัฐบาลเป็นผู้แจ้งความ



+++ผลการวิจัยของบริษัทความมั่นคงด้านข่าวสาร “ดิจิตัล อาร์ท” นักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายของญี่ปุ่นใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยถึงวันละ 7 ชม. ในจำนวนนี้เกือบร้อยละ10  ใช้อย่างน้อย 15 ชม. ส่วนเด็ก นร.ชายวัยเดียวกัน ใช้เฉลี่ยวันละ 4 ชม. โดยวัยรุ่นมักใช้โทรศัพท์มือถือกับโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม และแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่นแอพฯ ส่งข้อความ เกม สร้างภาพยนตร์ ผลการวิจัยยังระบุว่า นร.ม.ปลายญี่ปุ่น มีโทรศัพท์มือถือถึง ร้อยละ96  นร.ม.ต้นมี ร้อยละ60  นร.ประถมปลายมีเกือบร้อยละ40  ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าเยาวชนญี่ปุ่นติดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการวิจัยของจีนระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างต่อระบบประสาทคล้ายการเสพแอลกอฮอล์และโคเคน

ข่าวทั้งหมด

X