บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผลการศึกษาของเครือข่ายการวิจัยการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของแคนาดา (Canadian Immunization Research Network – CIRN) ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขของแคนาดาและสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติ ในกลุ่มผู้ป่วย 69,533 คน ที่รัฐออนแทริโอ ระหว่างเดือนธันวาคม 2563 ถึงพฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นผู้ป่วยสายพันธุ์ที่ไม่น่ากังวล 28,705 คน และสายพันธุ์ที่น่ากังวล 40,828 คน โดยพบว่า
-วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้า เซนเนก้า 1 โดส มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 82 ในการป้องกันการเกิดอาการป่วยในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เบตาและแกมมาได้
-มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา ร้อยละ 87 และสายพันธุ์อัลฟา ที่ร้อยละ 90 ในการเกิดอาการป่วยในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตได้
โดยประสิทธิภาพของวัคซีนหลังการฉีดเข็มแรก มีระดับที่ไม่แตกต่างกับวัคซีนอื่นๆ แต่ระยะเวลาในการติดตามผลยังไม่เพียงพอที่จะรายงานประสิทธิภาพหลังการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 โดยมีงานวิจัยอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลังการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ตามคำแนะนำในการเว้นระยะเวลาระหว่างการฉีดวัคซีน 2 โดส และเป็นที่ทราบดีว่าประสิทธิภาพของวัคซีนจะเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว
นายเซอร์ เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceuticals) กล่าวว่า หลักฐานจากการใช้จริงได้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าและวัคซีนอื่นๆ ที่ใช้อยู่ในแคนาดา มีศักยภาพในการป้องกันการเกิดอาการรุนแรงหากติดเชื้อโควิด-19 หลังการฉีดวัคซีนโดสแรก ดังนั้น วัคซีนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างเกราะปกป้องให้กับผู้คนทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำไปสู่การยับยั้งไวรัสที่ร้ายแรงนี้
....
ทบ.ย้ำ มาตรการคุมเปิด-ปิด จุดผ่านแดนตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติ สมช.
...
ไทยเรียกร้องกัมพูชาลดระดับความตึงเครียด ย้ำไม่ได้ปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด
...
อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ!! กองทัพบก ยังไม่มีการเรียกกำลังพลสำรองแต่อย่างใด
...
ข่าวทั้งหมด
