กรมการแพทย์ แจง 2 แนวทาง คนที่ตรวจ ATK แล้วพบผลบวก ให้รับยาและทำ HI
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ลงนามประกาศกรมการแพทย์แจ้งแนวทางการดูแลผู้ที่มีผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วย Antigen test kit (ATK) เป็นบวก เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการตรวจด้วยวิธี RT-PCR และทำให้ผู้ป่วยโควิด -19 เข้าถึงระบบการรักษาได้เร็วขึ้น
หนังสือดังกล่าวได้แจ้งถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข/โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม/โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร/โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหม/โรงพยาบาลเอกชน ดังนี้
1.หากผลตรวจ ATK เป็นบวก เรียกว่า “ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย” (Probable cases) สามารถรับยาและเข้ารับการรักษาแบบการกักตัวที่บ้านได้ทันที (Home Isolation)
2.หากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในลักษณะ Community Isolation หรือในสถานพยาบาล ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายควรได้รับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR คู่ขนานและให้พยายามแยกจากผู้ป่วยโควิด-19 ระหว่างรอผลตรวจ RT-PCR เนื่องจาก การตรวจด้วย ATK ให้ผลบวกลวงได้ร้อยละ 3-5
ขณะที่ วันนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หารือร่วมกับหน่วยบริการทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงถึงแนวทางการแจกชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนฟรี พร้อมทั้งแนวทางการจ่ายค่าบริการให้กับหน่วยบริการด้วย
กทม.เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 608 ในเดือน ส.ค. ให้ได้ 80%
พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้กรุงเทพมหานครในเดือน ส.ค.64 จำนวน 1,250,000 โดส โดยจัดส่งให้หน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล 25 จุดโดยตรง จำนวน 750,000 โดส เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนวัคซีนอีก 500,000 โดส กรุงเทพมหานคร บริหารจัดการเพื่อส่งให้โรงพยาบาลในสังกัดและสถานพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่
-จัดสรรให้กลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ หรือกลุ่ม 608 โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในเดือนนี้ จะต้องฉีดวัคซีนให้กลุ่มนี้ให้ได้ร้อยละ 80 จะให้บริการทั้งในโรงพยาบาล และการให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุก โดยทีมป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุกในชุมชน (Bangkok CCRT) เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งการฉีดวัคซีนในจุดที่มีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน
CR:กรุงเทพมหานคร
นายกฯ ชี้แจง วัคซีนไฟเซอร์ ไม่ได้หาย ให้แต่ละจังหวัดประเมินมาตรการล็อกดาวน์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการเรื่องการล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็น 29 จังหวัด ว่าขอให้แต่ละจังหวัดและหน่วยงานพิจารณามาด้วยว่าการล็อกดาวน์ช่วยได้มากน้อยแค่ไหน และจะมีมาตรการดูแลประชาชนอย่างไร การปฏิบัติต้องชัดเจน ดังนั้น แต่ละจังหวัดจะต้องออกข้อปฏิบัติให้ชัดเจน จะให้รัฐบาลล็อกดาวน์ทั้งหมดก็อาจจะลำบาก จึงขอให้ไปศึกษาต่างประเทศด้วยว่าเขาทำแบบไหน ก็ให้นำมาปรับใช้ในประเทศ
นายกฯ ชี้แจง กรณีโซเชียลมีเดีย ออกมาถามหาวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาคว่าหายไป 30,000 กว่าโดส ว่า ชี้แจงไปแล้วว่าวัคซีนที่มาเป็นตัวเลขกลมๆ แต่วัคซีนที่มาจริงเป็นคนละตัวเลขกัน ยืนยันว่า ไม่ได้หายไปไหน ถ้าหายไม่เอาไว้แน่ ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงมาแล้ว
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ช่วยกันหาวิธีให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องตามช่องทางหรือแพลตฟอร์มที่เข้าถึงประชาชน แก้ปัญหาข่าวปลอม เฟกนิวส์
ญี่ปุ่น จะบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนกว่า 700 เครื่องให้ไทย
รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมมูลค่า 2.52 ล้านดอลลาร์ให้ทางการไทยและลาว เพื่อช่วยสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ในส่วนของไทย ญี่ปุ่นจะบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 775 เครื่อง และจะบริจาคเครื่องช่วยหายใจและเครื่องตรวจวัดสัญญาณชีพคนไข้จำนวน 100 เครื่องให้ลาว โดยญี่ปุ่นจะส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวให้ไทยและลาวผ่านทางสำนักงานบริการโครงการแห่งสหประชาชาติ (UNOPS)
เมื่อเดือนที่แล้ว ญี่ปุ่น ได้บริจาควัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 1,000,000 โดสให้ไทย ขณะที่ ได้บริจาควัคซีนจำนวน 600,000 โดสให้ลาว
วัคซีน 415,000 โดส ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า จากสหราชอาณาจักรถึงไทยแล้ว
เพจ UK in Thailand ของสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย รายงานว่า เมื่อคืนนี้ ประมาณ 21.00 น. รัฐบาลสหราชอาณาจักร ส่งวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,000 โดส ให้กับประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนางจุฬามณี ชาติสุวรรณ อธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยรับมอบวัคซีนจำนวนดังกล่าว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
จุดประสงค์ของการบริจาควัคซีนของสหราชอาณาจักร เพื่อช่วยกระจายวัคซีนให้ถึงประชาชนทั่วประเทศมากขึ้นอย่างเท่าเทียม นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเราทุกคนที่จะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน ด้วยการช่วยลดการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย
CR:UK in Thailand