อธิบดีกรมอนามัย ชี้ ร้านอาหารในห้าง ขายให้ผู้บริโภคได้ หากไม่สัมผัสกับผู้บริโภค

03 สิงหาคม 2564, 15:46น.


          หลังรัฐบาลออกมาตรการควบคุมโควิด-19  โดยเฉพาะประเด็น “สั่งอาหารเดลิเวอรีอย่างไรให้ปลอดภัย” นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า พื้นที่ 29 จังหวัด ต้องเน้นย้ำร้านอาหารหรือเครื่องดื่มในศูนย์การค้าง ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ จะไม่จำหน่ายในรูปแบบหน้าร้าน แต่ให้สั่งอาหารผ่านการขนส่งอาหารหรือเดลิเวอรี โดยให้เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ไม่มีการจำหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง



“มีพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งสอบถามว่า ตัวห้างสรรพสินค้าได้เปิดในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตในการให้จับจ่ายใช้สอย ซึ่งหากเราไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว และเราจะสามารถซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มในร้านอาหารที่ได้รับการผ่อนคลายได้หรือไม่โดยไม่ต้องไปสั่งผ่านไรเดอร์ ขอชี้แจงว่า หากร้านอาหารในห้างสรรพสินค้านั้นๆ หรือตัวห้างสรรพสินค้าเอง หากสามารถจัดระบบขายอาหารแบบไม่สัมผัสกับผู้บริโภค โดยอาจมีระบบเดลิเวอรีเอง เช่น สั่งออนไลน์ หรือโทรศัพท์  และจัดจุดให้ผู้บริโภครับอาหาร ที่ไม่ต้องไปรอแออัดหน้าร้าน ก็สามารถทำได้  แต่หากศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้า รวมทั้งร้านอาหารหรือเครื่องดื่มนั้นๆ ไม่สามารถจัดระบบดังกล่าวได้ ก็ไม่สามารถเปิดบริการขายเช่นนั้น แต่ต้องขายด้วยการใช้บริการผ่านฟู้ดเดลิเวอรี หรือไรเดอร์แทน” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว



          ส่วนการจัดระเบียบพนักงานส่งอาหารในการรวมตัวหรือไม่สวมหน้ากากอนามัยอย่างไร นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า พนักงานส่งอาหารจะแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มฟูลไทม์ หรือกลุ่มพาร์ทไทม์ โดยกลุ่มฟูลไทม์ ผู้ประกอบการจะมีการกำกับอย่างดี บางคนฉีดวัคซีนแล้ว แต่ปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากส่วนพาร์ทไทม์ และประเด็นที่ได้รับการร้องเรียนคือ จุดที่รอรับอาหาร หรือจุดส่งคำสั่งซื้อ โดยขอแยกเป็น 2 กรณี คือ



-กรณีแรก เป็นร้านอาหารภายนอก ต้องขอความร่วมมือแต่ละร้านในการควบคุม จัดระบบ ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ จึงต้องขอให้มีมาตรการจัดระเบียบ ไม่ให้มีการรวมตัวหน้าร้าน



-ส่วนกรณีที่สอง เป็นร้านอาหารในศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีข้อกำหนดตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.2564 ว่า ห้างสรรพสินค้าต้องจัดระบบ และควบคุมกำกับ ไม่ให้ในส่วนของไรเดอร์ มารวมกลุ่ม แออัด



          “ส่วนจะมีโทษหรือไม่นั้น ตัวข้อกำหนดต่างๆที่ออกตามมาตรา 9 ในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกับในส่วนของพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะไปออกประกาศ โดยกำหนดชัดเจนว่า กรณีอยู่นอกเคหะสถาน หากไม่สวมหน้ากากอนามัย ถือว่ามีความผิด และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ออกระเบียบ ซึ่งออกตามมาตรา 34(6) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้กำหนดความผิดในเรื่องการรวมกลุ่ม และไม่สวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งการพูดคุย การสูบบุหรี่ หรือกิจกรรมนันทนาการใดๆ ก็ตาม โดยหากผิดครั้งแรกจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หากครั้งที่ 2 ปรับ 1,000 -10,000 บาท ครั้งที่ 3 ปรับ 10,000 -20,000 บาท”



          อธิบดีกรมอนามัย กล่าวอีกว่า ในส่วนนี้เจ้าพนักงานตามกฎหมาย และคณะกรรมการโรคติดต่อของกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดมีหน้าที่ควบคุมกำกับให้เป็นไปตามประกาศ จึงขอให้ความร่วมมือ และหากประชาชนพบพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงเกิดโรคระบาด ให้แจ้งไปที่จังหวัด หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือหากอยู่ในเขตกทม. ให้แจ้งไปที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

ข่าวทั้งหมด

X