รอยเตอร์ รายงานว่า หลายรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ เช่น รัฐฟลอริดาและรัฐหลุยเซียนา มีผู้ป่วยที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มสูงมาก เนื่องจาก การแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในรัฐทางภาคใต้ของประเทศ โดยเฉพาะรัฐฟลอริดา คนไข้ใหม่กว่า 10,000 คน เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อวันอาทิตย์
ส่วนที่รัฐหลุยเซียนา ตัวเลขผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีแนวโน้มว่าอาจจะสูงกว่าสถิติเดิม ซึ่งบันทึกไว้เมื่อวันที่ 6 มกราคม คือ 6,882 คน ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ทำให้นายจอห์น เบล เอ็ดเวิร์ด ผู้ว่าการรัฐหลุยเซียนา ออกคำสั่งให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยกันอีกครั้งเมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะ เพื่อลดการแพร่ระบาด
พญ.แคเธอรีน โอนีล หัวหน้าแพทย์ประจำโรงพยาบาลเลค รีเจียนนัล เมดิคอลเซ็นเตอร์ในเมืองบาตัน โรก รัฐหลุยเซียนา เตือนว่า พื้นที่ตอนใต้ของสหรัฐฯอาจจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรง ระบุว่า ในอนาคต โรงพยาบาลต่างๆอาจจะประสบปัญหาขาดแคลนเตียงคนไข้ อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่งติดโรคโควิด-19 ทำให้รัฐหลุยเซียนาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ราว 6,000 คน พญ.โอนีล แนะนำประชาชนไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อลดจำนวนคนไข้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
ส่วนท้องที่อื่นๆเช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐบาลท้องถิ่นใน 8 เทศมณฑลในแถบอ่าวซานฟรานซิสโก ออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะ เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้ (3 สิงหาคม 2564) นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กและนายฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี มีคำสั่งให้คนงานในภาคการขนส่ง เรือนจำ โรงพยาบาลและคนงานประจำสถานดูแลผู้สูงอายุจะต้องรับวัคซีน หรือแสดงหลักฐานผลตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ พร้อมขอให้ผู้ประกอบธุรกิจบาร์ ร้านอาหารและธุรกิจเอกชนอื่นๆออกระเบียบให้ลูกค้ารับวัคซีนก่อนเข้าไปใช้บริการในร้าน
ขณะที่นายไมเคิล แฮนค็อก นายกเทศมนตรีเมืองเดนเวอร์ ระบุว่า รัฐบาลท้องถิ่นจะพิจารณาออกมาตรการบังคับให้คนงานในหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นกว่า 11,000 คนไปรับวัคซีนเช่นกัน มาตรการต่างๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าบรรดาผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐฯพยายามจะหาทางส่งเสริมให้ประชาชนไปรับวัคซีนมากขึ้น หลังเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาระบาดอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ
Cr: reuters