เดินหน้าไปต่อ ! ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เสนอนายกฯเห็นชอบแล้ว ขอวัคซีนโดส 3 และสำหรับเด็ก12-18 ปี
การจัดทำโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ครบ 1 เดือนแล้ว ขณะที่ จังหวัดภูเก็ต ปรับเป็นพื้นที่ควบคุม เป็นจังหวัดสีส้ม มาตรการต่างๆต้องมีการปรับตามมาตรการ เช่น
-ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร แต่สามารถดื่มในที่พักได้
-ห้ามรวมตัวทำกิจกรรมเกิน 50 คน
-ศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ ปิดส่วนเครื่องเกมส์ สวนสนุก
-ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดได้ตามปกติ
-ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ ภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด
-สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามเวลาปกติทุกประเภท จัดการแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม
ผลสรุปจากที่ประชุมของจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ขอดูสถานการณ์ 2 สัปดาห์ หลังจากมีการยกระดับคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาในเกาะว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น จำนวนกว่า 14,000 คน มีผลการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ถึงร้อยละ 1 ถือว่าน้อยมาก ดังนั้นโครงการนี้จึงต้องเดินหน้าต่อไป แต่ทำอย่างไรให้คนภูเก็ตเกิดความสบายใจว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เปิดแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจของภูเก็ต แต่ไม่ได้ทำให้คนภูเก็ตกังวลจนเกินไป จึงได้ขอจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมมีการเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศบค.)ชุดเล็ก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รับทราบแล้ว และจะมีการเสนอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ต่อไป
-ขอวัคซีนโดสที่ 3 ให้คนภูเก็ต จำนวนร้อยละ 70 ของผู้ที่รับวัคซีนสองเข็มไปแล้ว
-ขอวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีประมาณ 58,000 คน
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้สายพันธุ์ 'เดลต้า'แรงขึ้น 3 เท่า ต้องล็อกเต็มที่
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดี
จากการประเมินสถานการณ์ในช่วงนี้ พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการติดเชื้อจาก 2 สายพันธุ์หลัก คือ เดลตา พบร้อยละ 69.1 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนอัลฟา พบร้อยละ 28.2 เชื้อไวรัสนี้ติดต่อกันง่ายและรวดเร็วมาก ดังนั้น การสวมหน้ากากอนามัย 100% จะช่วยได้มาก ให้ได้ผลดีที่สุด คือ ยึดหลัก 3 ถูก คือ ถูกเวลา ถูกวิธี และถูกชนิด ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี ขณะนี้ขอให้เพิ่มความความระมัดระวังและเคร่งครัดมากเป็นพิเศษ ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ทั้งขณะอยู่ในบ้านและนอกบ้าน โดยหน้ากากผ้า เหมาะทำกิจกรรมในพื้นที่ที่มีคนน้อย ไม่แออัด เช่น ในบ้าน หน้ากากอนามัยที่เป็นใยสงเคราะห์ เช่น หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เหมาะใช้ในพื้นที่ปิด เช่น ในห้อง สวม 1 ชั้น ก็เพียงพอ แต่หากไปในแหล่งชุมชน คนพลุกพล่าน เช่น ตลาดสด ตลาดนัด ซูเปอร์มาร์เก็ต ขอให้สวม 2 ชั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสวมหน้ากากทางการแพทย์ไว้ด้านใน สวมหน้ากากผ้าไว้ด้านนอก และไม่ว่าจะเป็นหน้ากากชนิดใด จะต้องคาดให้ถูกต้อง คือ ต้องแนบชิดหน้าและคลุมจมูก แก้ม และคางเสมอ ไม่สวมหน้ากากซ้ำ ควรเปลี่ยนทุก 6-8 ชั่วโมง หรือเปลี่ยนทุกวัน และเปลี่ยนทุกครั้งเมื่อหน้ากากเปียกชื้น หรือมีคราบสกปรก หากมีเชื้อโควิด-19 ติดอยู่ เชื้อจะมีชีวิตอยู่นานกว่า 1 สัปดาห์
วันนี้ ทยอยส่ง
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง การฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์กระตุ้นเข็ม 3 ฉีดแล้วประมาณร้อยละ 20 ส่วนการกระจาย
สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ
CR:กระทรวงสาธารณสุข
“หมอมานพ”เผยปีหน้าไทยอาจต้องใช้วัคซีน mRNA 50-60 ล้านโดส หลายชาติเริ่มฉีดเข็ม 3
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เยอรมันประกาศฉีด booster shot ด้วย Pfizer หรือ Moderna vaccine ให้คนสูงอายุ, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และรวมไปถึงผู้ที่เคยได้ AstraZeneca 2 เข็ม และ J&J เข็มเดียว ถือเป็นประเทศในเขตยุโรปขนาดใหญ่ชาติแรกที่เริ่มฉีดเข็มสามให้ประชาชน โดยเริ่มในเดือนก.ย.64 ขณะที่ประเทศอื่นที่ประกาศ booster shot แล้วในประชากรกลุ่มเดียวกันได้แก่ อิสราเอล, ส่วนรัสเซีย, ฮังการี ประกาศให้คนที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มไปแล้ว 4-6 เดือนมารับเข็มสามได้ สำหรับฝรั่งเศสและอังกฤษก็มีแผนฉีดแบบเดียวกับเยอรมันเรียบร้อยแล้ว และก่อนหน้านี้มี บาห์เรน, UAE และตุรกี ที่ประกาศให้ booster shot แก่ประชาชนที่ได้รับวัคซีนไปเกิน 6 เดือน
สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้ demand ของวัคซีนยังคงสูงมากไปอีกนานอย่างน้อย 1-2 ปี โดยเฉพาะวัคซีนประสิทธิภาพสูงอย่าง mRNA vaccine การวางแผนจัดหาวัคซีนของประเทศไทยก็ควรจะดูปัจจัยเหล่านี้ และระดมกำลังในการสั่งจองวัคซีนให้พอไปถึงปีหน้าด้วย เชื่อว่า mRNA vaccine ที่สั่งไว้รวม 25,000,000 โดส ไม่น่าจะพอ ปีหน้าเราอาจต้องการวัคซีนนี้อย่างน้อย 20,000,000-30,000,000 โดส สำหรับ booster shot อย่างเดียว ถ้ารวมกลุ่มเด็กและวัยรุ่นด้วยอาจต้องการถึง 50,000,000-60,000,000 โดส
CR:ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร