สธ.ขอความร่วมมือประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพล็อกดาวน์ให้ได้ 25 % ลดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต

02 สิงหาคม 2564, 17:54น.


          นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ประเด็นผลจากการล็อกดาวน์ ว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีการติดเชื้อโควิด-19 สะสม 199 ล้านคน ถือเป็นช่วงขาขึ้นจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้ทั่วโลกชะลอการระบาดไป แต่ช่วง 2-3 สัปดาห์ มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 4-6 แสนรายต่อวัน เสียชีวิตสะสม 4.24 ล้านคน คิดเป็น 2.13%



          สำหรับประเทศไทยติดเชื้อใหม่วันนี้ 17,970 ราย รักษาหาย 13,919 ราย อยู่ระหว่างรักษา 208,875 ราย และเสียชีวิต 178 รายผู้ป่วยใหม่ยังเพิ่มขึ้น จากการคาดการณ์การติดเชื้อและเสียชีวิตหลังดำเนินการล็อกดาวน์ พบว่าตัวเลขสถานการณ์จริงทั้งการติดเชื้อและเสียชีวิตใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ 20% อย่างไรก็ตาม หากเพิ่มประสิทธิภาพการล็อกดาวน์เป็น 25% ร่วมกับการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงค่อนข้างมาก



          ดังนั้น การเพิ่มประสิทธิภาพแค่ 5% ก็จะมีผลอย่างมาก ขณะนี้เราจึงต้องร่วมกันควบคุมการติดเชื้อ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันล็อกดาวน์ให้ถึง 25% ทั้งเรื่องของการงดการเดินทาง การไปพบปะ การดูแลตนเองที่ต้องทำเข้มขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตจะลดลงรวดเร็วเช่นกัน



          ทุกมาตรการที่รัฐบาลออกไปเป็นการขอความร่วมมือ ยังไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย คนไทยต้องแสดงให้เห็นว่าภาวะวิกฤต ความร่วมมือมีค่ามากที่สุดในการลดการติดเชื้อ ขอให้กลับไปนึกถึงตอน เม.ย.ปีที่แล้ว อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อทุกคนไม่ติดโรค ไม่แพร่กระจายโรคต่อไป จึงขออีก 2 สัปดาห์ หลังล็อกดาวน์จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด ถ้าสามารถกดลงมาได้โดยประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์เพิ่มอีก 5% ลักษณะการติดเชื้อ การป่วยหนัก และเสียชีวิตจะลงมาในระดับควบคุมได้ต่อไป ขอให้อยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อเพื่อเราทุกคน



ขยายล็อกดาวน์เริ่ม 3 ส.ค. ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้างดขาย ปชช.ทั่วไป สั่งผ่านเดลิเวอรีเท่านั้น



ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การปรับมาตรการให้เข้มข้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโควิด-19 นั้น ศบค.ประกาศเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 3 ส.ค. 2564 โดยเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 37 จังหวัดหรือประมาณครึ่งประเทศ และพื้นที่ควบคุม (สีเหลือง) 11 จังหวัด โดยแต่ละพื้นที่มีการยกระดับมาตรการ คือ พื้นที่สีแดงเข้มขอให้เลี่ยงหรืองดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถาน นอกที่พักโดยไม่จำเป็น และห้ามออกจากเคหสถานเวลา 21.00 - 04.00 น. วันรุ่งขึ้น



          หากทำได้พร้อมกันก็ลดโอกาสแพร่เชื้อในพื้นที่สาธารณะที่มีการพบกันของผู้คน , งดการให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด และตั้งด่านสกัดระหว่างจังหวัด เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อข้ามพื้นที่ โดยต้องอาศัยความร่วมมือประชาชนด้วย , ห้ามจัดกิจกรรมรวมกันมากกว่า 5 คน เพราะโอกาสแพร่เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเร็วขึ้น ติดง่ายขึ้น ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ สายพันธุ์เดลตา 1 คนติดได้ 8 คน จากเดิมติดได้แค่ 3 คน ถือว่าเชื้อไวรัสเก่งขึ้น 3 เท่า



          สำหรับการเคลื่อนย้ายรถและการเดินเท้า หลังประกาศลดการเดินทางตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้วพบว่ามีแนวโน้มลดลง แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่าง กทม.และชลบุรี ปีที่แล้ว สามารถลดลงได้ 80 กว่า % ส่วนปีนี้ทำได้เพียง 70กว่า % ต้องขอความร่วมมือเพื่อให้ความเสี่ยงลดลง เชื้อโรคจะไม่มีที่ไปต่อ ถ้าลดการเดินทาง เชื้อโรคก็ลดโอกาสแพร่เชื้อ อยากให้ประชาชนวางแผนให้ดี ออกจากบ้านน้อยที่สุด คนทำงานออฟฟิศหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ทำงานที่บ้าน 100% หรือมากที่สุดเท่าที่ทำได้ คนที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศวางแผนการเดินทางให้น้อยลงที่สุดเช่นกัน เช่น ไปตลาดสัปดาห์ละหลายครั้ง ก็วางแผนลดการไป เหลือสัปดาห์ละครั้ง



          โดยวางแผนการซื้ออาหารต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อเจอผู้คนน้อยลง และไม่มีผลกระทบเรื่องการอุปโภคบริโภค กิจกรรมที่ทำทางออนไลน์ได้ เจอผู้คนน้อยลงก็ให้ทำ การอยู่บ้านเพิ่มความเข้มงวดป้องกัน มีผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในบ้าน เราไม่อยากให้เสี่ยงจากคนที่ออกจากบ้าน ผู้ที่ออกจากบ้านจึงต้องป้องกันตนเอง สวมหน้ากากเว้นระยะห่าง กลับมาก็ต้องทำเพราะไม่แน่ใจว่าติดหรือไม่ ตอนนี้เป็นเวลาทองใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าร่วมมือเต็มที่ ถ้ายุติชะลอการแพร่ระบาดได้เราก็จะปลอดภัยกันทั้งสังคม



 

ข่าวทั้งหมด

X