นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในวันนี้ที่วัคซีนไฟเซอร์มาถึงประเทศไทย เก็บอยู่ที่อุณหภูมิ -70 องศา อยู่ที่คลังบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีการนำส่งตัวอย่างวัคซีนไปตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยแล้วที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าในวันที่ 2 สิงหาคมจะได้รับผล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะให้บริษัทตรวจสอบย้อนกลับอีกครั้ง จากนั้นวันที่ 5-6 สิงหาคม จะส่งวัคซีนล็อตแรกไปฉีดเข็มกระตุ้น และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะมีการซักซ้อมผู้ที่จะทำการฉีดให้มีความแม่นยำเพราะใน 1 ขวดต้องฉีดได้ 6 โดส รวมไปถึงการควบคุมเวลาเป็นอย่างดี โดยในวันที่ 9 สิงหาคมจะเริ่มบริการฉีดวัคซีน คาดว่าปลายเดือนสิงหาคมจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ครบ 1.5 ล้านโดส ในส่วนที่สหรัฐฯจะบริจาควัคซีนให้กับไทยเพิ่มนั้น ทั้งจำนวนและเวลา กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรึกษารายละเอียด จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
นพ.โอภาส ยังได้คาดการณ์สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า หากมีการใช้มาตรล็อคดาวน์นานขึ้นอาจจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้อีก 25% นาน 1 เดือน หรือมีการล็อคดาวน์นานขึ้นกว่าเดิมอีก 20% นาน 2 เดือนก็จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดเหลือ 2,000 คน และมาตรการล็อคดาวน์มีประสิทธิภาพขึ้นอีก 25% นาน 2 เดือน ก็จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงไม่เกิน 400 คน/วัน
ดังนั้นมาตรการต่างๆที่ สธ.ได้ดำเนินการทั้งการล็อคดาวน์ การตรวจโควิด19 เชิงรุก และเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ ตามที่คาดการณ์ผู้ติดเชื้อก็จะลดลงเหลือ 100 คน/วัน
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม จะมีทีมสาธารณสุขจากในส่วนภูมิภาค อาทิ โรงพยาบาลชุมชน ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมเภสัชชนบท ชมรมพยาบาลอาสา ชมรมโรงพยาบาลชุมชน ในการส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความอดทน สามารถปรับตัวในการทำงานได้ทุกสถานการณ์จำนวน 40-50 ทีม ประมาณ 500 คน ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุขในกรุงเทพฯทั้ง 69 ศูนย์ เป็นทีม CCRT หลักในการตรวจเชิงรุกด้วย ATK หรือการดูแล HI โดยคาดว่า 50 ทีมใน 1 สัปดาห์ จะสามารถตรวจเชิงรุกได้ 400,000-500,000 ราย และแยกผู้ป่วยติดเชื้อออกมาได้ประมาณ 70,000-80,000 ราย
แฟ้มภาพ