ไฟเซอร์แนะนำการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ช่วยเพิ่มการป้องกันสายพันธุ์เดลตา

          บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า วัคซีนที่มีการพัฒนาร่วมกับไบโอเอ็นเทคจากเยอรมนีโดสที่ 3 สามารถเพิ่มการป้องกันอย่างแข็งแกร่งต่อโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยระดับของแอนติบอดีเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าในคนอายุ 18 ถึง 55 ปี และในกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 65 ถึง 85 ปีคาดว่าระดับของแอนติบอดีจะเพิ่มขึ้นขึ้น 11 เท่า

          อย่างไรก็ตาม รายงานนี้เกี่ยวข้องกับการทดสอบกลุ่มตัวอย่าง 23 คน ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากประชาคมผู้วิจัยและผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าระดับแอนติบอดีที่เพิ่มขึ้นมีความสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นด้วยหรือไม่ และอาจต้องมีการตรวจสอบซ้ำ และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี เปิดเผยว่า วัคซีนที่มีการใช้งานในปัจจุบันสามารถปกป้องผู้คนจากไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์

          เมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) ดร.มิคาเอล ดอลสเตน ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวิจัย การพัฒนา และการแพทย์ทั่วโลกสำหรับไฟเซอร์ เรียกข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 นี้ ว่าเป็น "การเพิ่มกำลังใจ" โดยอธิบายว่า หลังจากที่ฉีดโดสที่ 2 ไปแล้ว 6 เดือนซึ่งโดยทั่วไปคือช่วงเวลาที่ระดับแอนติบอดีจะลดลง แล้วฉีดวัคซีนโดสที่ 3 จะช่วยเพิ่มระดับแอนติบอดีที่เป็นกลางให้สูงขึ้นถึง 100 เท่า เมื่อเทียบกับก่อนฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ซึ่งนับเป็นการเพิ่มกำลังใจอย่างมากในขณะที่เดลตายังคงแพร่ระบาดรุนแรง

          ทั้งนี้ประสิทธิภาพของวัคซีนในระดับสูงสุดคือมากกว่าร้อยละ 96 ในช่วงระหว่าง 1 สัปดาห์ถึง 2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 2 และลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 83.7 ในช่วง 4 ถึง 6 เดือนต่อมา โดยบริษัทไฟเซอร์คาดว่าจะส่งข้อมูลการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ให้สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอ โดยเร็วที่สุดในเดือนหน้า (ส.ค.) เพื่อขออนุมัติการใช้ในกรณีฉุกเฉิน

....