ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2564

29 กรกฎาคม 2564, 07:03น.


นายกฯ อยากเห็น “หมู่บ้านสีฟ้า” ชุมชนช่วยเหลือ เฝ้าระวังการแพร่ระบาด  


          สรุปปัญหาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ควบคุมและเข้มงวดสูงสุด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม ได้หารือร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีการประเมินทางการแพทย์ เชื่อว่า 4-6 สัปดาห์ สถานการณ์จะดีขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ลำดับต่อไปที่นายกฯและรัฐบาลอยากเห็น คือ “หมู่บ้านสีฟ้า”ที่ประชาชนและชุมชน ช่วยเหลือแบ่งปันดูแลซึ่งกันและกัน ร่วมกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน แต่เราจะพยายามควบคุมให้ดีที่สุด ให้ดูสถานการณ์โลกด้วย จะเข้าใจยิ่งขึ้น


          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียด


-ปัญหาหน้างานที่ทุกจังหวัดพบเหมือนกัน คือ ความล่าช้าในการคัดกรอง คัดแยกผู้ป่วย การนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา การขาดแคลนเตียงในระดับผู้ป่วยที่มีการอาการหนักและอาการรุนแรง รวมทั้งการบริหารจัดการวัคซีน ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่า ได้ให้กระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อกการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจเร็ว Antigen Test Kit (ATK)เมื่อพบผลเป็นบวก ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาทั้งศูนย์พักคอย ระบบดูแลตนเองที่บ้าน (Home Isolation-HI) หรือระดับชุมชน (Community Isolation-CI) ได้อย่างรวดเร็ว 


เรื่องที่นายกฯ สั่งการให้แต่ละจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเร่งด่วน


-การเพิ่มเตียงผู้ป่วยสีแดง สั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข


-การดำเนินงานของ Call center ศูนย์พักคอย ชุดตรวจหาผู้ป่วยในพื้นที่ Hospitel CI และ HI รวมทั้ง โรงพยาบาลสนาม ขอให้ทำผังให้เข้าใจ 


-การใช้ระบบ Bubble & Seal คุมการติดเชื้อในโรงงานและแคมป์คนงาน 


-ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจตามบ้านจัดสรร เนื่องจาก ห่วงการแพร่ระบาดในบ้านจัดสรร 


-ห่วงเรื่องตลาด หากแพร่ระบาดแล้วต้องปิดตลาด จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้ทำมาหากินต่อได้ 


-เร่งกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ไปทุกจังหวัด ไม่ให้ขาดแคลน


-สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ดูแลป้องกันการกักตุนสินค้า


-หากจังหวัดไหนขาดเหลือสิ่งใดก็สามารถยื่นของบประมาณ ตามลำดับขั้นตอนได้ รวมทั้งแผนการกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆยังคงเป็นไปตามนโยบาย


-การเร่งสร้างความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงซึ่งจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นยังต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข DMHTT อย่างเคร่งครัด 


ทีมแพทย์ชนบท เสนอ ใช้วิธี “6 R” ให้กทม.รอดจากโควิด-19  


          นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เสนอแนวทางแก้ปัญหาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในที่ประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุข ว่าการลงพื้นที่ 2 ครั้ง ตรวจRapid Test ให้ประชาชนในชุมชนแออัดไปทั้งสิ้น 51,389 คน พบผลบวก 6,863 คน คิดเป็น ร้อยละ 13.35 มุ่งเน้นการควบคุมการแพร่ระบาดในชุมชนแออัดให้ได้ เพราะนั่นคือจุดระบาดใหญ่ แล้วกรุงเทพมหานครจะรอด เมื่อกรุงเทพมหานครรอด ต่างจังหวัดก็จะรอดด้วย ประมวลแนวทางได้เป็นตัวย่อว่า 6R คือ


1.Rapid Testing แม้เตียงเต็ม จะล้น เรายิ่งต้อง Rapid Testing โดยใช้ชุดตรวจ ATK ให้มาก เพื่อแยกผู้ป่วยออกมา


2.Rapid Tracing นำผู้สัมผัสร่วมบ้าน ร่วมงาน มาตรวจให้มากที่สุดในวันเดียวกัน


3.Rapid Treatment ด้วย Early Home Favipiravir หรือจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ทันที ที่พบผู้ติดเชื้อที่มีอาการหรือมีโรคประจำตัวหรือสูงอายุ เพื่อไม่ให้ต้องป่วยหนัก ส่วนคนติดเชื้อที่ไม่ป่วยให้ฟ้าทะลายโจร และรับเข้า HI ในวันเดียวกัน


4.Rapid Vaccination ฉีดวัคซีนให้เร็วและให้ครอบคลุมในชุมชนแออัด โดยเน้นที่ผู้สูงอายุก่อน และหากมีวัคซีนมากพอก็ฉีดทุกคนที่อายุมากกว่า 18 ปี


          หากทำทั้ง 4 มาตรการแล้ว จะลดการระบาดได้แน่ ลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตลงได้ แก้ปัญหาเตียงไม่พอ เรื่องนี้ มีการทำงานร่วมกันของกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และทีมแพทย์ชนบท 


          หากรัฐบาลจะกู้กรุงเทพฯแบบอู่ฮั่นโมเดล ก็ต้องทำอีก 2R ก็จะยิ่งสามารถลดการระบาดได้อีก คือ


5.Rapid Lockdown ในชุมชนที่ระบาด เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อออกนอกชุมชน เนื่องจากบางรายมีเชื้อระยะเริ่มต้นแต่ยังตรวจด้วย ATK หรือ RT-PCR ไม่พบ ไม่จำเป็นต้อง Lockdown ทั้งกรุงเทพมหานคร


6.Rapid Healing หาก Lockdown ก็ต้องมีการเยียวยาผู้คนในชุมชนแออัดนั้นๆ เยียวยาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เขามีรายได้เพื่อสามารถยังชีพได้ในระหว่างที่มีการล็อกดาวน์ชุมชนของเขา




 


          นี่คือ 6 ข้อเสนอของชมรมแพทย์ชนบท ขณะนี้ทีมแพทย์ชนบทกำลังประสานงาน ระดมความร่วมมือ ซึ่งได้รับการสนับสนุนและตอบรับจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น เอกชน และภาคประชาชนที่จะร่วมกัน “ปฏิบัติการกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 3” เร็วๆ นี้


CR:ชมรมแพทย์ชนบท 


ตาก ใช้มาตรการกึ่ง Lockdown ที่ อ.แม่สอด ตามยุทธการทลายไข่แดง แยกไข่ขาว 


          นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด สรุปมาตรการควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 ข้อมูลเมื่อวานนี้(28 ก.ค.64)  พบผู้ป่วยรายใหม่ 179 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ (1 เม.ย. – 28 ก.ค. 64) มีจำนวน 4,126 คน  โดยการติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นลักษณะการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายเดิม จำนวน 140 คน กลับจากต่างจังหวัด 10 คน เป็นพนักงานขับรถข้ามแดน 3 คน ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 6 คน และอื่นๆ 20 คน


-ยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอแม่สอด ในลักษณะกึ่ง Lockdown ตามยุทธการทลายไข่แดง แยกไข่ขาว 


-ไข่แดงจะเป็นพื้นที่โรงงาน เขตที่พักอาศัยที่หนาแน่นและมีการแพร่ระบาด เช่น ชุมชน บ้านเช่า หอพัก ซึ่งจะมีการเจาะ ล็อค แยกไข่แดง โดย Lockdown ชุมชนเป้าหมาย สุ่มตรวจคัดกรองด้วยชุด  ATK อย่างน้อยร้อยละ 25 ของประชากรในทุกหลังคาเรือน กรณีพบผลบวกให้จัดทำ HI หรือ CI แต่หากพบผลบวกมากกว่าร้อยละ 10 ให้ดำเนินการ Lockdown ต่อ 


-สำหรับโรงงาน โกดัง ห้างร้าน จะสุ่มตรวจคัดกรองด้วย ATK อย่างน้อยร้อยละ 5 กรณีพบกลุ่มที่บวกให้คัดแยกออกมากักตัวในโรงงาน 


-การแยกไข่ขาว จะรณรงค์ขอความร่วมมือให้ประชาชน อยู่ในสถานที่ทำงาน ร้านค้า สถานประกอบการ หรือบ้านพักอาศัย และให้มีการคัดกรอง แยกบริเวณบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น แรงงานต่างด้าว หรือผู้มีประวัติเสี่ยง เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมทั้งให้มีบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เคลื่อนที่ (Drive Thru) ประชาชนทั่วไปด้วย 


-โครงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Drive thru ของโรงพยาบาลแม่สอด ซึ่งเป็นรูปแบบการเข้ารับการตรวจโควิด-19 โดยไม่ต้องลงจากรถ โดยผู้ที่มาตรวจสามารถขับรถหรือนั่งรถส่วนตัว เพื่อเข้ารับการตรวจ เพียงเปิดกระจกรถ เพื่อให้พยาบาลทำการเก็บตัวอย่าง จากโพรงจมูกและคอ แล้วนำไปวิเคราะห์ผลการตรวจโควิด-19 ที่ห้องปฏิบัติการ


-มาตรการควบคุมป้องกันโควิด-19 กรณีพบคลัสเตอร์โรงงานฟลูลิ้งค์ หมู่ที่ 6 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด ,คลัสเตอร์โรงงานสหมิตรสิ่งทอ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด และคลัสเตอร์ชุมชนอิสลาม ซอยโมะโหย่ง ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด 


CR:สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ตาก


ไทย จะได้รับวัคซีนจากสหราชอาณาจักร-สหรัฐฯ  


          เพจเฟซบุ๊ก UK in Thailand เปิดเผยคลิปวิดีโอ ความยาว 2.04 นาที โดยเป็นคลิปของนายมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ที่ได้เปิดเผยว่า สหราชอาณาจักร มีวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า บริจาคให้ประเทศไทยได้ จำนวน 415,000 โดส เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในสหราชอาณาจักร และจะส่งมาถึงประเทศไทยภายใน 1-2 สัปดาห์


         โครงการวัคซีนในสหราชอาณาจักรประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงมีวัคซีนพอที่จะส่งต่อให้กับประเทศอื่นๆ เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลก ที่จะได้รับบริจาควัคซีนเหล่านี้ ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการระบาดอย่างสาหัส และสหราชอาณาจักรจะอยู่เคียงข้างประเทศไทยเสมอ


         เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า  สัปดาห์นี้สหราชอาณาจักรจะเริ่มส่งออกวัคซีนโควิด-19 จำนวน 9,000,000 โดส บริจาคให้ทั่วโลกเพื่อช่วยรับมือปัญหาการระบาด โดยในจำนวนนี้ 5,000,000 โดส จะบริจาคเข้าโครงการ COVAX ส่วนอีก 4,000,000 โดส แบ่งบริจาคโดยตรงให้ประเทศต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทั่วโลกเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียม


         ตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด สหราชอาณาจักร ก็ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน Oxford-AstraZeneca โดยมีเป้าหมายเดียว คือ ขอให้กระจายวัคซีนไปทั่วโลกอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม วัคซีนนี้มีประสิทธิภาพสูงและจนถึงปัจจุบันฉีดไปแล้วมากกว่า 500 ล้านโดสใน 160 ประเทศ


สหรัฐฯ เพิ่มวัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยเป็น 2.5 ล้านโดส 


          สหรัฐฯ เตรียมส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยเพิ่ม พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯเชื้อสายไทย เปิดเผยข่าวนี้ระหว่างการสัมมนาออนไลน์ที่จัดโดยกระทรวงต่างประเทศไทย ศูนย์ East-West Center ที่วอชิงตันและสถานทูตไทยประจำสหรัฐฯ ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่เป็นมิตรประเทศกัน ทำให้สหรัฐฯจะส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.54 ล้านโดส ที่มีกำหนดจะมาถึงไทยในวันพรุ่งนี้ เป็น 2.5 ล้านโดส 


         ก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ชี้แจงถึงความช่วยเหลือด้านต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ตามคำมั่นสัญญาของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อช่วยไทยในการต่อสู้กับโควิด-19 นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังช่วยเหลือและกระจายวัคซีน 23 ล้านโดส ทั่วเอเชีย ด้วย 


 
ข่าวทั้งหมด

X