*เมืองไทยวันนี้ 8.30 น.*

ความคืบหน้า กรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกประเทศตามคำขอ เนื่องจากยังติดคดีที่อัยการสูงสุดกำลังพิจารณาสั่งฟ้องคดีอาญาในเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งนายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานอัยการร่างคำฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะฟ้องได้ภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ จากนั้นจะประสานมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อให้แจ้งไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้ถูกกล่าวหารับทราบ จากนั้นหากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งรับคำฟ้อง และตั้งองค์คณะตุลาการขึ้นมาวินิจฉัยคดีแล้ว คดีทั้งหมดจะอยู่ในอำนาจศาล ซึ่งจะมีการนัดพิจารณาไต่สวนคดีเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นจะเป็นการชี้แจงต่อศาลฎีกาฯ

ส่วนนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการไต่สวนคดีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 และคดีทุจริตการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ว่าอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

ขณะที่นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งสลายการชุมนุมปี 2551 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลนัดไต่สวนครั้งแรกในเดือนเมษายนนี้  ขณะที่สำนวนคดีถอดถอนอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จำนวน 269 คน กรณีพยายามแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา คาดว่าจะส่งสำนวนต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ภายในกลางเดือนนี้ กับยังมี ส.ส. อีก 5 คนที่จะโดนฟ้องทางคดีอาญาจากกรณีเสียบบัตรแทนกันด้วย ส่วนสำนวนของ 38 ส.ว.ได้ส่งไปที่ประธานสนช.หมดแล้ว จะแถลงเปิดคดีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้

ยังมีเรื่องของการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบรวม 16 มาตรการวงเงินรวม 90,029 ล้านบาท ซึ่งยังมีปัญหาความล่าช้า นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้สหกรณ์การเกษตรที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) รับซื้อน้ำยางสดและยางก้อนถ้วยจากเกษตรกรในราคานำตลาด 2 บาทต่อกิโลกรัม เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ จนหมดฤดูการกรีดยางในภาคใต้ช่วงกลางเดือนนี้ ส่วนภาคเหนือและอีสานปิดกรีดไปแล้วจากยางผลัดใบก่อนภาคใต้ และเมื่อมีการเปิดกรีดยางในฤดูกาลใหม่ช่วงเดือนพฤษภาคมก็จะซื้อชี้นำราคาต่อไป เพื่อยกระดับราคายางทั้งระบบ

คณะกรรมการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของ คสช. มีคำสั่งให้หน่วยงานภาครัฐ เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ยากจนให้เห็นเป็นรูปธรรมมากกว่าขณะนี้ ซึ่งนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยถึง แนวทางช่วยเหลือคนจน และลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องการเห็นมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้การช่วยเหลือมีความชัดเจนมากขึ้น

ซึ่งทาง นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ทางคณะกร รมการฯ ขอให้ ธพว.ส่งรายละเอียด แนวทางแก้ปัญหาให้คณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ โดยในเบื้องต้น จะมีเรื่องของการปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สำหรับลูกค้าในกลุ่มโอทอปและเอสเอ็มอีในต่างจังหวัด ซึ่งกรมพัฒนาชุมชนและสมาพันธ์เอสเอ็มอี ที่มีกลุ่มเอสเอ็มอี 78 สมาคม เป็นสมาชิกฯ จะช่วยหาลูกค้ามาให้ ธพว. เพื่อให้ปล่อยกู้ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ แต่การพักหนี้ และยืดหนี้ให้กับลูกค้านั้นไม่สามารถทำได้

แต่ในกรณีนี้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ที่เสนอแผนว่า จะต่ออายุในโครงการพักหนี้ให้กับลูกหนี้ที่มีการหนี้เงินกู้กับ ธ.ก.ส.รายละไม่เกิน 500,000 บาท

ยังมีการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2557/58 ทั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำและพื้นที่นอกเขตชลประทาน มีการวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ ควบคู่กับมาตรการการงดส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง มีการพัฒนาปรับปรุงขุดลอกแหล่งน้ำนอกพื้นที่เขตชลประทาน และเตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำ ส่วนปฏิบัติการฝนหลวงจะเริ่มปฏิบัติการในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้

ส่วนปัญหาแรงงาน นายนพดล กรรณิกา ที่ปรึกษา รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ผลจากการดำเนินการศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (สมาร์ทจ็อบเซ็นเตอร์) พบว่า กลุ่มผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีแต่มีผลการศึกษาในระดับคาบเส้นกำลังประสบปัญหาตกงานจำนวนมากขึ้น จึงจะต้องมีการประสานความร่วมมือกับสถานศึกษาเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้สอน และนิสิตนักศึกษาต่อไป

*-*