ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เปิดชื่อคนได้รับพระราชทานอภัยโทษ บุญทรง ทุจริตจำนำข้าว ลดโทษเหลือ 16 ปี สรยุทธ ปลดกำไลอีเอ็ม

          หลังมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 ก.ค. มีผู้ต้องขังจากเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ เข้าเกณฑ์ได้รับการปล่อยตัว จำนวน 35,000 คน ซึ่งขณะนี้ทุกเรือนจำอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องขังที่อยู่ในเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบผู้ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษพิจารณาก่อนปล่อยตัว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ครั้งนี้มีคนดังที่เข้าเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษกรณีเป็นผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ คือ นายสรยุทธ สุทัศนจินดา ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้รับพระราชทานอภัยโทษมาแล้ว 2 ครั้ง และเข้าเงื่อนไขการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ จึงได้รับการติดกำไลอีเอ็ม เป็นเวลา 14 เดือน และต้องรายงานตัวจนกว่าจะพ้นโทษคือ วันที่ 26 ก.ค.66 ก็มีผลให้พ้นโทษและได้รับการปลดกำไลอีเอ็ม หลังพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ค.) รวมถึง นายจตุพร พรหมพันธ์ ที่เข้าเกณฑ์เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และจะได้รับการปล่อยในเดือน ส.ค.นี้ หลังจากเข้ารับการอบรมโคกหนองนาโมเดล    

          นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องขัง ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ เช่น นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ ที่มีโทษจำคุก 50 ปี ได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษจำคุก 17 ปี น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาวนางจุฑามาศ คดีรับสินบน 60 ล้านบาท จัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ โทษจำคุก 40 ปี นายภูมิ สารผล ผู้ต้องขังคดีทุจริตจำนำข้าว โทษจำคุก 38 ปี ได้ลงวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 13 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว โทษจำคุก 48 ปี แต่ได้ลดวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 16 ปี นายครรชิต ทัพสุวรรณ อดีต ส.ส.ปชป.ได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษจำคุก 11 ปี นายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง โทษจำคุก 48 ปี คดีทุจริตจำนำข้าวได้ลดวันต้องต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 9 ปี

ตั้งแต่ 1 ส.ค.นี้ ไม่เปิดรับวอล์คอิน เข้าสถานีกลางบางซื่อ ลดความแออัด

          หลังการประชุมร่วมกัน ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงบ่ายวันนี้ ที่ประชุมมีมติปรับแนวทางการบริหารจัดการสถานีกลางบางซื่อ โดยตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค.นี้ จะไม่มีการเปิดให้วอล์คอินเข้ามาใช้บริการ แต่จะต้องลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น "วัคซีนบางซื่อ" เพื่อให้สามารถฉีดได้ทันทีที่ไปถึง โดยจะให้บริการวัคซีน 20,000 โดสต่อวัน พร้อมทั้งมีการเสริมมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยประสานให้ทางกระทรวงกลาโหมเข้ามาช่วยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป รวมถึงมีการปรับรูปแบบไม่ต้องมีการวัดความดันก่อนฉีดวัคซีน นอกจากกรณีมีความจำเป็น เพื่อลดปัญหาความแออัดในสถานีกลางบางซื่อ พร้อมทั้งให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบด้วย

          จากนั้น ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องการย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานีไปยังอาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม หลังจากหมดสัญญากับทางเมืองทองธานีในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งที่อาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะรองรับผู้ป่วยระดับสีเหลืองขึ้นไป และมีการเตรียมเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยสีแดง 3,000 เตียง

          ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม รายงานว่า โรงพยาบาลบุษราคัมเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.64 สถานการณ์ช่วง 1 สัปดาห์ ยอดผู้ป่วยสะสมถึงวันที่ 17 ก.ค.64 จำนวน 9,435 ราย จนถึงวันที่ 26 ก.ค.64 ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 12,268 ราย ขณะนี้มียอดผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล 3,592 ราย กลับบ้านไปแล้ว 8,000 กว่าราย วันนี้ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนจำนวน 770 ราย จากสถานการณ์การระบาดต่อเนื่องและรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สัดส่วนของผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น โรงพยาบาลบุษราคัมได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุขให้พัฒนาพื้นที่รองรับผู้ป่วยวิกฤตสีแดงเข้มจำนวน 17 เตียงเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว

          รายงานข่าว เปิดเผยอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับที่ประชุมว่า แนวปฏิบัติใหม่ๆ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วจากกระทรวงสาธารณสุข และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับนโยบายไปแล้ว และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน และอยากฟังความคิดเห็นของทุกคน ซึ่งหากติดขัดตรงไหนก็ให้บอกมา พร้อมแก้ปัญหาและดูแลให้

โฆษกกองทัพไทย ยืนยัน ไม่ได้ทิ้งผู้ป่วยโควิด-19

          ตามที่ปรากฏว่าทหารทิ้งผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าวัดไผ่เงิน สาทร กรุงเทพฯ โดยมีผู้สูงอายุเป็นผู้ป่วยโควิด-19 พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ทราบว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายสราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ป่วยโควิด-19 ได้เดินทางเข้ารักษาตัวภายหลังทราบว่าติดเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม ต่อมาทราบว่า รายชื่อของผู้ป่วยยังไม่ปรากฏในระบบการเข้ารับการรักษา ดังนั้นแพทย์โรงพยาบาลสนามบุษราคัม จึงได้พูดคุยกับผู้ป่วยถึงแนวทางการปฏิบัติตนในเบื้องต้นและแนะนำให้ผู้ป่วยกลับที่พักอาศัยก่อน และในวันรุ่งขึ้นให้กลับมาเข้าระบบการรักษาต่อไป ทั้งนี้ได้มีการประสานศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 ศปม. ในการอำนวยความสะดวกนำส่งผู้ป่วยกลับที่พักอาศัย 

          พล.ต.ธีรพงศ์ กล่าวว่าในระหว่างเดินทาง พลขับได้มีการโทรฯ ติดต่อกับผู้ป่วยเป็นระยะ โดยเมื่อถึงบริเวณหน้าวัดไผ่เงิน ผู้ป่วยขอลงเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งผู้ป่วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางกลับมายังโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เพื่อทำความสะอาดรถเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับ-ส่งผู้ป่วยรายใหม่ต่อไป ทั้งนี้ กองทัพไทย ได้สอบถามถึงสาเหตุการนำเสนอข่าวในทางลบว่า มีรถทหารทิ้งผู้ป่วยโควิด-19 ตัวผู้ป่วยเองได้ยืนยันว่า รถของเจ้าหน้าที่ที่นำส่งมิได้ทิ้งผู้ป่วยทั้ง 3 คน พร้อมทั้งยังแสดงความเสียใจที่ทำให้เกิดข่าวดังกล่าว อีกทั้งยังขอบคุณกองทัพและบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ดูแล โดยในวันนี้ทั้ง 3 คน ได้รับการรักษา ณ โรงพยาบาลบุษราคัมเรียบร้อยแล้ว และขอยืนยันว่าข่าวสารที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด

สปสช.ปรับระบบจ่ายเงินดูแลผู้ป่วยกักตัวที่บ้านให้เร็วขึ้น-ต้น ส.ค.ส่งชุด ATK ให้รพ.พท.เสี่ยง

          การสั่งซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit  (ATK) เพื่อกระจายให้ประชาชนตรวจ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมบอร์ดสปสช.มีมติแล้วได้ประสานไปที่เครือข่ายโรงพยาบาลราชวิถี และองค์การเภสัชกรรม เพื่อเปิดให้บริษัทยื่นเสนอราคาในวันที่ 29 ก.ค. 64 เมื่อได้บริษัทที่เสนอราคาแล้วจะมีการจัดซื้อมาและจัดส่งให้โรงพยาบาลในพื้นที่สีแดงต้นเดือน ส.ค. 64 เพื่อกระจายไปให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมารับไปตรวจที่บ้าน

         ส่วนการเพิ่มคู่สาย สายด่วนหาเตียง 1330 ของสปสช. ได้เพิ่มคู่สายแล้ว 1,600 คู่สายแล้ว ล่าสุดเมื่อวานนี้ประสานเอกชนเพิ่มอีก 500 คู่สาย หรือสแกนคิวอาร์โค้ดของสปสช.กรอกข้อมูลๆจะเข้าสู่ระบบบันทึกและเจ้าหน้าที่จะโทรไปตรวจสอบอีกครั้ง หรือเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @nhso กดเมนูลงทะเบียนระบบดูแลที่บ้าน Home Isolation ได้เช่นกัน   

         สปสช.ดูแลประชาชนทุกคน ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่ถือบัตรทอง เมื่อตรวจ ATK แล้วให้หน่วยงานที่ตรวจออกใบรับรอง นำผลการตรวจไปยื่นกับบริษัทประกันได้

         นอกจากนี้ สปสช.ดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่าย กรณีผู้ป่วยสีเหลืองเมื่ออาการดีขึ้นแล้วสามารถเดินทางกลับไปพักดูอาการที่บ้าน สปสช.สนับสนุนเรื่องค่ารถที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลจะนำคนไข้เดินทางกลับบ้านและดูแลค่าใช้จ่ายในการเอ็กซเรย์ติดตามอาการที่ปอดด้วย

         พร้อมทั้งปรับระบบเรื่องการดูแลค่าใช้จ่ายให้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้สถานพยาบาล โรงพยาบาล จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และ ดูแลค่าอาหาร 3 มื้อ ให้ผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน เมื่อสถานพยาบาลรับคนไข้มาดูแล จะสั่งจ่ายเงินล่วงหน้าให้คนละ 3,000 บาท ต่อสัปดาห์ และจ่ายทุก 15 วัน ปรับเร็วขึ้นกว่าเดิมที่ให้สถานพยาบาลนำบิลมาเบิกหลังจากที่รักษาผู้ป่วยคนนั้นแล้ว 

คุมโควิด-19 ไม่อยู่หุ้นไทยดิ่ง 7.47 จุด ฮั่งเส็งร่วงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน

          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,537.63 จุด ลดลง 7.47 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 70,265.17 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ไม่สามารถควบคุมได้

          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน แม้นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นก็ตาม

           ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,970.22 จุด เพิ่มขึ้น 136.93 จุด

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่รัฐบาลจีน ประกาศยกระดับการควบคุมบริษัทเทคโนโลยี ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดวันนี้ที่ 25,086.43 จุด ร่วงลง 1,105.89 จุด

ไฟไหม้-ระเบิดโรงงานเคมี เยอรมนี สูญหาย 5 คน บาดเจ็บหลายคน

          บริษัทเคอเรนตา(Currenta) ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม เคมพาร์ค (Chempark)ของกลุ่มโรงงานที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสารเคมีในเมืองเลเวอร์คูเซิน ทางภาคตะวันตกของเยอรมนี เปิดเผยว่า มีพนักงานสูญหาย 5 คนและบาดเจ็บอีกหลายคน ในจำนวนนี้ 2 คนบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุไฟไหม้และระเบิดที่บริเวณโกดังเก็บเชื้อเพลิงของนิคมอุตสาหกรรมเคมพาร์คเมื่อเวลา 09.40 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ หน่วยดับเพลิงยังไม่สามารถดับเพลิงได้

         มีควันดำหนาทึบลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือจุดเกิดเหตุระเบิด ทำให้ตำรวจและหน่วยกู้ภัยแจ้งเตือนชาวบ้านในพื้นที่รอบโรงงานให้อยู่แต่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างของอาคารบ้านเรือนให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัย ระวังอันตรายจากสารเคมีทางอากาศ ขณะเดียวกันตำรวจได้ปิดจราจรบนทางด่วนในบริเวณใกล้กับนิคมอุตสาหกรรม แนะนำผู้ขับขี่รถยนต์ให้เลี่ยงการขับรถมุ่งหน้ายังนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว

         ในปัจจุบันกว่า 30 บริษัทที่มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเคมพาร์ค เช่น ไบเออร์(Bayer) บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเคมีและยาและบริษัทแลนเซสส์ (LANXESS) บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี สำหรับสาเหตุของการระเบิดและไฟไหม้อยู่ระหว่างสอบสวนของตำรวจ

'นาโอมิ โอซากะ'เต็งเหรียญทองเทนนิสโอลิมปิก ตกรอบ 3 หลังพ่ายมือวางอันดับที่ 42 ของโลก

          บีบีซี รายงานผลการแข่งขันเทนนิสหญิงในกีฬาโอลิมปิกในกรุงโตเกียวว่า นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 23 ปี มือวางอันดับที่ 2 ของโลก แชมป์แกรนด์สแลม 4 สมัย และตัวเก็งที่จะคว้าเหรียญทองให้กับญี่ปุ่น เจ้าภาพในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ ตกรอบ 3 แล้วในวันนี้ หลังพ่าย ให้กับ มาร์เกต้า วอนโดรโชวา นักเทนนิสวัย 22 ปีจากสาธารณรัฐเช็ค มือวางอันดับที่ 42 ของโลก 2 เซ็ตรวด ด้วยคะแนน 6-1 และ 6-4 สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนกีฬาเทนนิสทั่วโลก

         โอซากะ เปิดเผยหลังการแข่งขันว่าเธอรู้สึกกดดันมาก อาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในนามทีมชาติญี่ปุ่นมาก่อน เพิ่งเล่นกีฬาโอลิมปิกในปีนี้เป็นครั้งแรก

         ก่อนหน้านี้ โอซากะ ได้รับเกียรติจากฝ่ายจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของญี่ปุ่นให้เป็นตัวแทนของนักกีฬาญี่ปุ่นผู้จุดไฟในกระถางคบเพลิงโอลิมปิกในพิธีเปิดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว นับเป็นการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ครั้งแรกของโอซากะนับตั้งแต่ถอนตัวจากการแข่งขันในศึกเฟรนช์ โอเพ่นของฝรั่งเศสในเดือนมิถุนายน

         ส่วน วอนโดรโชวา จะเจอกับผู้ชนะระหว่างพอลลา บาโดซาจากสเปน กับ นาเดีย โปโดรอสกา จากอาร์เจนตินาในรอบ 8 คนสุดท้าย