+++การเดินทางเยือนญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หารือกับ นายยะสุฮิสะ ชิโอะซะคิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น ว่า สถานการณ์การเมืองไทย รัฐบาลยึดแนวบริหารประเทศด้วยความโปร่งใส ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเพื่อให้ไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง โดยเดินหน้าปฏิรูปตาม roadmap ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 และเตรียมการเลือกตั้งตามแนวประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาไทย-ญี่ปุ่น แสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองไทย และยินดีสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการปฏิรูปประเทศ นายกฯ เชิญชวนให้ญี่ปุ่นร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่ง ความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
+++ขณะที่ การฝึกปฏิบัติการร่วมผสมทางทหารระหว่างกองทัพไทย-สหรัฐฯ ครั้งที่ 34 ภายใต้ชื่อ "คอบร้าโกลด์ 15" ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมี พลเอกวุฒินันท์ ลีลายุทธ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และนายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เป็นประธานร่วมในพิธีเปิด นอกจากนี้ ยังมีเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนจากประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เข้าร่วมด้วย การฝึกคอบร้าโกลด์ 15 ปีนี้ มีทั้งหมด 24 ประเทศเข้าร่วม แบ่งเป็นประเทศที่ร่วมฝึกหลัก 7 ประเทศ ได่แก่ ไทย สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์และมาเลเซีย ประเทศที่ร่วมการฝึกฝ่ายเสนาธิการผสม 9 ประเทศ และประเทศร่วมสังเกตการณ์อีก 6 ประเทศ ขณะที่ ปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศจีนได้เข้ามาร่วมฝึก
+++อุปทูตแพทริค เมอร์ฟี กล่าวว่า การฝึกในปีนี้มีการปรับให้เข้ากับโลกปัจจุบันมากขึ้น โดยเน้นภารกิจด้านมนุษยธรรม มีการฝึกต่อต้านการก่อการร้าย และยังใช้โอกาสนี้พูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองในไทยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มาเยือนไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งหมายถึงนายแดเนียล รัสเซลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สหรัฐฯ สนับสนุนชาวไทยทุกคน และหวังให้ไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทั้งสองประเทศได้กลับมามีความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
+++ด้านพลเอกวุฒินันท์ ตัวแทนจากฝ่ายไทย เน้นย้ำภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามหรือภารกิจด้านมนุษยธรรมเช่นกัน โดยขอให้ทหารทุกนายใช้โอกาสนี้ สร้างมิตรภาพระหว่างประเทศระหว่างการฝึกด้วย
+++รศ.ดร.จำรูญ เล้าสินวัฒนา รักษาการแทนรองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารของ สจล. กล่าวว่า จากการติดตามข่าวการแถลงกรณีเพลิงไหม้ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน บริเวณชั้น 10 เท่าที่ได้ฟังพบว่าเอกสารที่เสียหายไม่น่าจะมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสจล. มีความเชื่อมั่นมากขึ้น ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารไทยพาณิชย์ก็ได้นำเอกสาร ซึ่งสถาบันฯได้ร้องขอไป มาเพิ่มให้แล้วจำนวน 6 รายการ แต่ก็ยังไม่ครบถ้วน ยังมีเอกสารสำคัญที่ขาดอยู่อีกหลายรายการ ส่วนธนาคารจะจัดส่งเอกสารเข้ามาเพิ่มให้อีกเมื่อไรยังไม่ได้มีการพูดคุย เข้าใจว่าธนาคารไทยพาณิชย์ น่าจะทยอยส่งเอกสารมาเร็ว ๆ นี้
+++ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ล่าสุดข้อมูลที่ส่งให้เพิ่มเติมเป็นข้อมูลที่เพิ่งขอมาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งการรวบรวบเอกสารเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะมีขั้นตอนการทำงาน และที่ผ่านมา สจล.ขอมาหลายครั้งก็ทยอยส่งให้มาตลอด ส่วนที่ระบุว่าเอกสารแตกต่างจากให้กับตำรวจ เพราะตำรวจขอเอกสารที่แตกต่างกันและไม่ได้ขอหลายครั้งเหมือน สจล.ยืนยันว่าการทำงานของธนาคารไทยพาณิชย์ยึดหลักธรรมภิบาลที่ดีมาโดยตลอด เพราะเป็นธนาคารขนาดใหญ่มีชื่อเสียงและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
+++หุ้นไทย ลดลง 11.86 จุด ปิดที่ 1,601.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,925.95 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ และกระแสข่าวความเชื่อมั่นของบริษัท ราคาปิดที่179.00 บาท ลดลง 4.00บาท หรือร้อยละ 2.19
+++ความคืบหน้าการยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีไม่ระงับยับยั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานอัยการร่างคำฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนการยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ จะยื่นสำนวนฟ้องพร้อมตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องหา คาดว่าจะฟ้องได้ภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ภายหลังที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นสั่งฟ้องดำเนินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนป.ป.ช.จะประสานส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้อัยการเมื่อใด ทางคณะทำงานอัยการกำลังอยู่ระหว่างประสานงานกัน
+++กรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า อสส.ประสานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ชะลอการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อรูปคดี โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ตามหลักแล้วอัยการไม่มีอำนาจห้ามการเดินทางไปต่างประเทศ เว้นแต่จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว จะเป็นอำนาจการพิจารณาของศาล
+++สำนักงานศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารระบุว่า ที่ประชุมตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 6 ก.พ.มีมติไม่เห็นด้วยกับ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ตุลาการศาลปกครอง พ้นจากราชการเมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ และอาจรับราชการเป็นผู้พิพากษา หรือตุลาการอาวุโสต่อไปได้ จนมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ จากเดิมที่รัฐธรรมนูญ ปี 2550 กำหนดให้ตุลาการศาลปกครองพ้นจากราชการ เมื่อมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ และจะเสนอความเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เพื่อพิจารณาและส่งความเห็นให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การกำหนดดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อจำนวนตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุดในอนาคต เพราะอายุเฉลี่ยของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น อยู่ที่ 47 ปี และตุลาการศาลปกครองสูงสุด อยู่ที่ 58 ปี หากตุลาการศาลปกครองพ้นจากราชการ เมื่ออายุครบ 65 ปี จะส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจของบุคคล ที่จะเข้าสมัครสอบคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครอง เพราะจะเหลือเวลาเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด เหลือเพียง 5-6 ปีเท่านั้น และจะทำให้ขาดตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเฉพาะ มาพิจารณาพิพากษาคดี
+++สถานการณ์ในต่างประเทศ ตำรวจสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ทางการกำลังสอบสวน หลังมีคนโพสต์ลงเฟซบุ๊คเป็นภาพต่างๆของกระสุนปืนที่จ่าหน้าถึงนายกรัฐมนตรีลีเสียน หลุง โดยภาพที่ลงในเพจจีเอ็มฟีนิกซ์ เมื่อค่ำวันศุกร์เป็นรูปของกระสุนนัดหนึ่งที่วางอยู่บนชุดลายพรางและมีคำบรรยายใต้ภาพว่ามาเล่นเกมกันลี เสียน หลุง หาฉันให้พบหากคุณทำได้ มิเช่นนั้น กระสุนจะเจาะหัวคุณในไม่ช้า ส่วนโพสต์ครั้งที่สองเมื่อเย็นวันเสาร์เป็นภาพของกระสุนสองนัดอยู่ในแมกกาซีน พร้อมคำบรรยายใต้ภาพว่า ลี เสียน หลุง ทุกคนสมควรได้รับโอกาสครั้งที่สอง จากนั้นในวันอาทิตย์มีการโพสต์ครั้งที่สามเรียกร้องให้มีการส่งเสริมขายอาวุธปืน ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยมากที่สุดของโลก และมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวด โดยภายใต้กฎหมายสิงคโปร์การครอบครองปืนหรือกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกระหว่าง 5ถึง 10 ปีพร้อมกับโบยไม่ต่ำกว่า 6ครั้ง ส่วนผู้ที่ใช้อาวุธปืนเถื่อนมีโทษสูงสุดประหารชีวิต
+++หลังอิรัก ยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิวส์ เกิดเหตุระเบิดขึ้นรอบกรุงแบกแดด ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 15 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 30 คน จุดแรกเป็นเหตุฆ่าตัวตาย ที่ด่านตรวจแห่งหนึ่งในเขตคัดฮามิยา ย่านที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมชีอะห์ ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ส่วนจุดที่สองเกิดขึ้นใกล้ถนนหลักเส้นหนึ่งทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบ
+++สถานที่ราชการทั่วไต้หวัน จะลดธงครึ่งเสาในเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินรุ่นเอทีอาร์ 72-600 ของทรานส์เอเชียแอร์เวย์ ตกในแม่น้ำคีหลุง ไม่กี่นาทีหลังการบินขึ้นจากสนามบินไทเป ซงชาน มีคนเสียชีวิตแล้ว 40 ศพ รอดชีวิต 15 คนและยังสูญหาย 3 คน