หลังจากนายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี 2 ผู้ถูกกล่าวว่าใช้อิทธิพลกลั่นแกล้งนางสาวศวิตา มณีจันทร์ ชาวจังหวัดราชบุรี ให้รับโทษทางอาญา เดินทางเข้าพบ พลตำรวจตรีฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อช่วงสายของวันนี้ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางสาวศวิตา พร้อมครอบครัวขอความเป็นธรรม ว่าถูกทั้งสองคน บังคับให้ดาบตำรวจสุรินทร์ ศุกลมนัส ซึ่งเป็นลุงของนางสาวศวิตา กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา โดยตำรวจได้จำลองเหตุการณ์ตามที่นางสาวศวิตา กล่าวอ้างเมื่อปี 2546 ทั้งนี้ นางสาวศวิตา แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง , ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา โดยมีการจัดเตรียมห้องประชุมชิวปรีชา และเตรียมความพร้อมในขั้นตอนต่างๆ
ด้านนางวันทนีย์ กล่าวว่า ตัวเองกับสามีไม่เคยรู้จักผู้เสียหาย มาก่อน พอทราบข่าวจึงต้องการขอความเป็นธรรม ปกติตัวเองรวมทั้งสมาชิกครอบครัวส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรสาคร ไม่ได้อยู่ที่จังหวัดราชบุรี โดยที่ผ่านมาไม่เคยแอบอ้างอำนาจมากลั่นแกล้งหรือใช้อิทธิพลช่วยเหลือใคร เป็นอยู่อย่างสมถะ อยากให้ผู้กล่าวหานำเรื่องจริงมาคุยกัน อยู่ๆมีผู้หญิงคนหนึ่งมาแจ้งความดำเนินคดี ก็ตกใจเหมือนกัน จะให้สาบานที่ไหน วัดไหน ก็ได้ ขอให้เอาเรื่องจริงมาคุยกันดีกว่า อย่าทำเรื่องแบบนี้เลย
ขณะที่ นางสาวศวิตา ยืนยันว่านายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องที่ และเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง พลตำรวจตรีฐิติราช ระบุว่าเบื้องต้นจะแยกสอบปากคำนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ หากพบว่าผิดจริงก็จะแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำทั้งสองคนถึงรายละเอียดของคดีตามขั้นตอน ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ที่จะชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ได้ ส่วนเรื่องการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ทุกอย่างต้องอยู่บนหลักความยุติธรรมและมีหลักฐานรองรับซึ่งหากพบว่ากระทำผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนการสอบปากคำพยาน 3 ปาก ก็ให้ข้อมูลสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน มีมูลเข้าข่ายความผิด และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อภิสุข