วศท. วิเคราะห์กรณีไฟไหม้ตึกSCB พบหลายองค์ประกอบการดับเพลิงทำงานไม่สมบูรณ์

วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์(วศท.) แถลงผลการวิเคราะห์กรณีไฟไหม้อาคารธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายก วศท. เปิดเผยว่า อาคารธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จัดเป็นอาคารต้นแบบอัจริยะขนาดใหญ่พิเศษ ที่มีระบบรักษาความปลอดภัย ทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่ง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีแสงเพลิงลุกไหม้ที่ชั้น10 และลุกลามไปชั้น11 จัดเป็นไฟไหม้ที่มีความเสียหายเล็กน้อย และไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างความมั่นคงของอาคาร จากการตรวจสอบพบความเสียหายส่วนใหญ่เป็นพื้นที่วางเอกสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แผ่นพื้นเพดาน และเสาอาคารบางส่วน คิดเป็นพื้นที่ 200 ตรม. เบื้องต้น วสท. เสนอแนะให้ปิดอาคารที่ชั้น 8-12 และควรเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบโดยใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งความแข็งแรงของคอนกรีต ความเสื่อมของโครงเหล็ก และความลึกที่ความร้อนเข้าไปสร้างความเสียหาย โดยเฉพาะเสาหลักที่ยังต้องรับน้ำหนักทั้ง 37 ชั้น 

นางสาวบุษกร แสนสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยอาคารและอัคคีภัย ตั้งข้อสังเกตว่า แม้อาคารจะสร้างโดยมีระบบการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง แต่ขณะเกิดเหตุกลับทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ตั้งแต่ระบบการแจ้งเตือนและตรวจจับควันภายใน ที่ต้องตรวจสอบว่า ถูกรบกวนหรือถูกปิดการทำงานจากการเข้าไปฉีดพ่นยุงหรือไม่ ขณะเดียวกันระบบน้ำสปริงเกอร์อาจทำงานได้ไม่ครอบคลุมเพียงพอ เพราะตามมาตรฐานต้องสามารถดับแสงเพลิงได้ภายใน 20 นาที นอกจากจะมีกันดัดแปลงหรือกั้นห้องใหม่ที่ไม่ตรงกับที่ออกแบบไว้ ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักผจญเพลิงเข้าไปดับเพลิงได้ล่าช้า เกิดจากระบบประตูรักษาความปลอดภัยที่ต้องใช้คีย์การ์ดผ่านเข้าออก ทั้งที่จริงแล้วควรจะเปิดได้อัตโนมัติเมื่อสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ขณะเดียวกันสำหรับข้อบกพร่องจากปัจจัยภายนอกอาคาร ยังพบว่าที่จุดอำนวยการยังประสานงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร รถกระเช้าหรือรถดับเพลิงขนาดใหญ่มีพื้นที่จอดดับเพลิงได้ไม่สะดวก ทำให้เสียเวลาในการเริ่มฉีดน้ำ 

อย่างไรก็ตาม วศท. ได้ขอความร่วมมือให้มีการทำความสะอาดและขนเศษกระดาษออกก่อน และในวันพรุ่งนี้ทีมวิศวกร วศท. จะเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดใช้เวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นจะมีการทำรายงานและคาดว่าจะทราบผลไม่เกิน 2 สัปดาห์

 

...ผสข.อภิสุข เวทย์วิศิษฐ์