ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม 2564

22 กรกฎาคม 2564, 05:10น.


จีน เตือนเขื่อนแตก! ระดมหน่วยกู้ภัย-กองทัพ ผันน้ำออกจากเขื่อนในมณฑลเหอหนาน  


          เมืองเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนาน เผชิญฝนตกหนักน้ำท่วมในรอบ 1,000 ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 25 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตที่สถานีรถไฟใต้ดินในเมืองเจิ้งโจว 12 ราย หลังจากน้ำทะลักท่วมเข้าไปในรถไฟใต้ดิน


          กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ออกคำเตือนแจ้งให้ประชาชนระวังอันตรายจากเหตุการณ์เขื่อนอี้เหอตัน (Yihetan) ในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน เกิดรอยแตกมีความยาวแล้วประมาณ 20 เมตร เนื่องจากมีมวลน้ำมหาศาลไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน 


         อย่างไรก็ตาม มีประชาชนอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบเขื่อนถึงประมาณ 7,000,000 คน ขณะที่ กองบัญชาการกลางกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ส่งกำลังทหารและตำรวจกว่า 2,000 คน หน่วยฉุกเฉินกว่า 6,000 คน พยายามเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เขื่อนแตก พร้อมทั้งผันน้ำออกจากเขื่อนบางแห่ง เพื่อลดความเสี่ยงด้วย


 




ชาวอินเดียกว่า 4,000 ราย เสียชีวิตจากโรคราดำ เชื่อเกิดจากยาสเตียรอยด์รักษาผู้ป่วยโควิด-19


         นายมานซุกร์ ลัคมาน มันดาวิยา รัฐมนตรีสาธารณสุขของอินเดีย เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 4,300 ราย หลังโรคราดำ(Mucormycosis)ระบาดในหลายรัฐของอินเดีย เช่น รัฐมหาราษฏระ,คุชราต,ทมิฬนาฑูและรัฐราชสถาน ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 45,374 คน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งยังต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล


        สำหรับโรคราดำเป็นโรคที่พบการระบาดไม่บ่อยนักในอินเดียและเป็นโรคที่อันตรายเช่นกัน เชื้อราดำจะส่งผลต่อจมูก เช่น ไซนัสอักเสบ ดวงตา ปอดและสมองของคนไข้ ในกรณีรุนแรงอาจทำให้คนไข้เสียชีวิต ที่โชคร้ายคือ คนไข้บางคนที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 12-18 วัน และอยู่ระหว่างการพักฟื้น มาติดเชื้อโรคราดำซ้ำ 


         แพทย์บางคน ระบุว่า โรคราดำอาจจะเชื่อมโยงกับยาสเตียรอยด์ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ป่วยจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เสี่ยงติดเชื้อโรคราดำมากกว่าคนไข้กลุ่มอื่นๆ ในปัจจุบันแพทย์ใช้ยาต้านไวรัสเป็นยาหลักในการรักษาคนไข้ที่ป่วยจากโรคราดำ


ไฟเซอร์ คาดต้นปีหน้าเริ่มผลิตวัคซีนช่วยแอฟริกาใต้ มากกว่าล้านโดสต่อปี 


         ต้นปีหน้า บริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ผู้ผลิตวัคซีนจากสหรัฐฯ-เยอรมนี จะเริ่มทำการผลิตวัคซีนในแอฟริกาใต้ พร้อมทั้งลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในการถ่ายทอดเทคโนโลยีกับสถาบันไบโอแวคในกรุงเคปทาวน์ โดยเฉพาะเรื่องติดตั้งอุปกรณ์และช่วยพัฒนาความสามารถด้านการผลิตวัคซีน ใช้วัตถุดิบการผลิตวัคซีนจากยุโรป คาดว่า เมื่อเครื่องจักรของโรงงานผลิตเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพ จะสามารถผลิตวัคซีนมากกว่า 100,000,000 โดสต่อปี มากพอที่จะกระจายวัคซีนให้กับประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกา


         นับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้โครงการกระจายวัคซีนในทวีปแอฟริกามีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น


          ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ชี้ว่า ที่ผ่านมาการกระจายวัคซีนในทวีปแอฟริกาอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก มีการฉีดวัคซีนรวมกัน 20,000,000 โดส สำหรับประชาชนราว 1,300,000 คน ขณะเดียวกันเพียงร้อยละ 1.5 ของประชากรทั้งหมดในทวีปแอฟริกา รับวัคซีนครบสองเข็ม


เวียดนาม ส่งตย.วัคซีนสปุตนิก วี ชุดแรกไปตรวจคุณภาพที่รัสเซีย 


         บริษัทวาบิโอเทค (Vabiotech) ของรัฐบาลเวียดนาม ร่วมมือกับกองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย (RDIF) ในการผลิตวัคซีน สปุตนิก วี ครั้งแรกในเวียดนาม RDIF รายงานว่า ตัวอย่างวัคซีนชุดแรกจะส่งไปตรวจสอบควบคุมคุณภาพที่ศูนย์กามาเลยา ที่เป็นผู้พัฒนาวัคซีน ในกรุงมอสโก ของรัสเซีย 


         กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม แถลงว่า บริษัทวาบิโอเทค จะบรรจุขวดและบรรจุภัณฑ์วัคซีน สปุตนิก วี โดยเริ่มตั้งแต่เดือนนี้ โดยมีกำลังการผลิต 5,000,000 โดสต่อเดือน


          ด้านประธานของบริษัทวาบิโอเทค ได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ โดยระบุว่าจะช่วยจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและราคาไม่แพงให้เวียดนามและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค


         นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามให้การอนุมัติ T&T ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนของเวียดนาม เจรจาเพื่อซื้อวัคซีน สปุตนิก วี จำนวน 40,000,000 โดส


         เวียดนามกำลังเผชิญกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องล็อกดาวน์พื้นที่สำคัญทั้งโฮจิมินท์และจังหวัดทางภาคใต้ ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการวัคซีนของเวียดนามล่าช้า มีวัคซีนถูกแจกจ่ายไปเพียง 4,300,000 โดส


         วารสารการแพทย์ เดอะแลนเซต รายงานว่า วัคซีนสปุตนิก วี มีความปลอดภัยและได้ผลกว่าร้อยละ 90  


         RDIF ระบุว่า วัคซีนสปุตนิก วี ได้รับการอนุมัติใน 68 ประเทศ และได้ยื่นขอจดทะเบียนในสหภาพยุโรปแล้ว เป็นวัคซีนที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยี Viral Vectors เช่นเดียวกับแอสตร้าเซนเนก้า และเป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีราคาถูกที่สุดในโลก โดยมีราคาไม่ถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อโดส และสามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิตู้เย็นทั่วไปที่ระดับ 2-8 เซลเซียส


พรุ่งนี้ ! กัมพูชา รอรับวัคซีนแอสตร้าฯจากญี่ปุ่น 1 ล้านโดส 


           สถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา (TVK) รายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ 23 ก.ค. 64 ญี่ปุ่นจะส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 1,000,000 โดสมาให้  


           เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชา กล่าวแสดงความหวังว่า การบริจาคครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการต่อสู้กับโควิด-19 


           จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดหาความช่วยเหลือให้กัมพูชาเป็นมูลค่ามากกว่า 50,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ การปรับปรุงโรงพยาบาล การสนับสนุนมาตรการป้องกันการติดเชื้อตามชายแดนผ่านองค์กรระหว่างประเทศ และอุปกรณ์สำหรับการขนย้ายและจัดเก็บวัคซีนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังให้เงินกู้อีกราว 227,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่รัฐบาลนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 


           กัมพูชาได้รับวัคซีนผ่านการจัดซื้อและบริจาครวมมากกว่า 16,000,000 โดส ประกอบด้วย วัคซีนซิโนฟาร์ม 5,200,000 โดส วัคซีนซิโนแวคกว่า 10,000,000 โดส และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 324,000 โดส


           รัฐบาลกัมพูชา ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนราว 10,000,000 คน หรือร้อยละ 62 ของประชากรทั้งหมดภายในเดือน พ.ย.64 และจนถึงวันอังคาร 20 ก.ค. 64 มีชาวกัมพูชาวัยผู้ใหญ่ 6,202,414 คน ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว หรือร้อยละ 62.02 ของประชากร 10,000,000 คนตามแผนที่วางไว้ และในจำนวนดังกล่าว 4,195,934 คน ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม


ผู้นำญี่ปุ่น พบ'จิล ไบเดน' ร่วมพิธีเปิดโตเกียวโอลิมปิก ขณะที่มีคนที่เกี่ยวข้องติดเชื้อกว่า 70 คน 


           กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงว่า ในวันนี้ นายโยชิฮิเดะ สึกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะพบกับนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ รวมทั้งผู้นำอีกหลายชาติและหลายองค์กร ที่จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดโตเกียวโอลิมปิกในวันศุกร์นี้ 


           รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผู้นำจาก 15 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศมีกำหนดเดินทางเยือนญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน รวมถึงประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส นายลุฟซานนัมซไร โอยุน-เออร์เดเน นายกรัฐมนตรีมองโกเลีย และนายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO)


           คณะผู้จัดโอลิมปิกของญี่ปุ่น รายงานว่า ขณะนี้พบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันโอลิมปิกติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 71 คน มี 31 คน ที่เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันโอลิมปิก คาดว่า จะมีผู้คนอีกนับหมื่นคนที่เตรียมเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อร่วมงานนี้


           แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ได้สร้างความวิตกกังวลมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสคัดค้านจากภาคประชาชน กรุงโตเกียวพบจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 4 ในเมืองหลวงเมื่อช่วงต้นเดือน


 
ข่าวทั้งหมด

X