*เมืองไทยวันนี้ 7.30 น.*

09 กุมภาพันธ์ 2558, 07:46น.


ในการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ในวันนี้จะมีการหารือกับนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งเสริมการค้าการลงทุน ที่เป็นวาระสำคัญคือการผลักดันความร่วมมือด้านระบบรางของไทย การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดหารือกับบุคคลสำคัญในรัฐบาลและภาคเอกชนญี่ปุ่น ได้แก่ ประธานกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาญี่ปุ่น-ไทย สมาชิกผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น ประธานและผู้บริหารระดับสูงของสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (เคดันเรน) ที่กรุงโตเกียว ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเศรษฐกิจที่สำคัญ ในเขตคันไซ ที่นครโอซากา รวมถึงประธานและผู้บริหารระดับสูงบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทย อาทิ ฮอนด้า และมิตซุย



โอกาสนี้ สำนักพระราชวังอิมพิเรียลของญี่ปุ่น จะจัดให้นายกรัฐมนตรีและภริยา เข้าเฝ้าฯ มกุฏราชกุมารนารุฮิโตะ ที่พระราชวังอะคะสะกะ ในวันนี้



ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  เปิดเผยถึงความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ซึ่งรัฐบาลจีนเสนอให้ใช้การลงทุนรูปแบบ EPC (Engineering Procurement Con struction) โดยรัฐบาลไทยเป็นเจ้าของโครงการ จีนรับหน้าที่ออกแบบ จัดหาระบบ และก่อสร้าง ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหนองคายโคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด แต่ฝ่ายไทยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่จีนเสนอมายังเป็นอัตราที่สูงเกินไป หากเปรียบเทียบกับสถาบันการเงินอื่น จึงจะมีการหารือที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งพล.อ.อประจิน กล่าวว่า รัฐบาลไทยมีแผนสำรองหากจีนยืนยันอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ร้อยละ 2 โดยอาจกู้บางส่วนจากในประเทศเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ กับจะมีการหารือในเรื่องสัดส่วนการก่อสร้างให้เป็นไปตามความเชี่ยวชาญของแต่ละประเทศ ซึ่งเมื่อตกลงกันได้แล้วก็จะลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน และเสนอรูปแบบการลงทุนให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณา หลังจากนั้นจีนจะส่งคณะทำงานเข้ามาสำรวจออกแบบ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคมนี้ เพื่อประเมินค่าก่อสร้างที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนการก่อสร้างจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคม 2558



ส่วนความคืบหน้าของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ซึ่งได้รับผลกระทบจากการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่างก็ต้องการให้มีการทบทวนเนื้อหา ซึ่งนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า รัฐธรรมนูญต้องมีความยั่งยืน โดยกกต. ต้องการให้ทบทวนเรื่องให้มีคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) จัดการเลือกตั้งแทน กกต. ทั้งยกเลิกอำนาจการตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย



ด้านน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่าในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ จะเข้าชี้แจงต่อประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ถึงหลักการและเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการควบรวม กสม.กับผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรเดียวกัน



ด้านกลุ่มผู้คัดค้านเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จัดทำสมุดปกขาวแสดงข้อเท็จจริงเพื่อแสดงให้เห็นปัญหาหากมีกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งนายกฤษณ์ ผาทอง นายกสมาคมผู้เพาะปลูก ผู้บ่มและผู้ค้ายาสูบ จ.เชียงใหม่และตัวแทนภาคียาสูบ เปิดเผยว่า เนื้อหาในสมุดปกขาวมีการชี้แจงถึง 9 เหตุผลที่รัฐบาลไม่ควรผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ทั้งกระบวนการจัดทำร่างกฎหมายที่ไม่มีความโปร่งใส อำพรางวัตถุประสงค์ในการผลักดันด้วยการใช้เยาวชนบังหน้า เนื้อหาที่ก้าวล่วงและทับซ้อนอำนาจนิติบัญญัติของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ลิดรอนสิทธิและเสรีภาพเพราะมีมาตรการสุดโต่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจและขัดรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเป็นการขัดหลักกฎหมายที่ดี เพราะให้อำนาจรัฐมนตรีออกกฎหมายลูกจำนวนมาก



ในวันนี้ เป็นวันแรกของการฝึกคอบร้าโกลด์ ซึ่งสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยระบุว่าการฝึกคอบร้าโกลด์ ปีนี้จะเน้นในเรื่องความมั่นคงของโลก การประสานงาน ความร่วมมือและความมั่นคงในภูมิภาค รวมทั้งจะเพิ่มความสำคัญของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม การบรรเทาภัยพิบัติ



ซึ่งก่อนหน้านี้ สื่อในสหรัฐอเมริกาหลายฉบับระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลังเลที่จะยกเลิกการฝึกร่วมเพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับไทยที่มีมานานกว่า 2 ศตวรรษ และอาจทำให้ไทยหันไปใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น อันจะส่งผลต่อการขยายอิทธิพลของสหรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในเวลาเดียวกันสหรัฐเองก็กังวลว่าจะเป็นการรับรองรัฐบาลปัจจุบันของไทย จึงให้ลดกำลังพลของสหรัฐที่จะเข้าร่วมการฝึก อยางไรก็ตามคอบร้าโกลด์ เป็นหนึ่งในการฝึกพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดในโลก และดำเนินมานาน 34 ปีแล้ว การฝึกปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 9-20 กุมภาพันธ์ ในหลายจังหวัด มีกำลังพลทั้งสิ้น 13,000 นาย จาก 24 ชาติร่วมด้วยผู้สังเกตการณ์อีก 6 ชาติ



...

ข่าวทั้งหมด

X