คณะกรรมกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ป.ส. สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ ทหาร ดีเอสไอปฏิบัติการ "ยุทธการทําลายเครือข่ายยาเสพติด แม่น้ำโขง 2.1"สามารถปฏิบัติการจับกุม/ตรวจค้นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมายรวม 14 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่ จ.เชียงราย (8จุด) จ.เชียงใหม่ (1จุด) จ.สมุทรปราการ ( 1จุด) จ.นนทบุรี (1จุด) และ จ.สงขลา (3 จุด) รวมกําลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ ประมาณ 165 นาย เป็นปฏิบัติการจับกุมตรวจค้นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสําคัญ รวม 4 ราย คือ นายภาวี เลิศกฤติธร อายุ 31 ปี นายมนตรี แซ่อึ้ง อายุ 32 ปี นายนิกร แซ่ลี อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาล จ. สมุทรปราการ และ นายกฤษณันท์ มณีโรจน์ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ในข้อหา ร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและจําหน่าย
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า การสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งจาก ป.ป.ส. ตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ ในครั้งนี้เพื่อขยายผลจับกุมยึดทรัพย์เครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มักใช้เส้นทางลำเลียงยาเสพติดทางแม่น้ำโขง โดยจากการติดตามพฤติการณ์มาเป็นระยะเวลานาน พบว่า เครือข่ายที่สนธิกำลังจับกุมในวันนี้ เป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติดที่สามารถจัดหายาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ไทย-พม่า และพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ได้คราวละจํานวนมาก ลําเลียงโดยใช้เส้นทางแม่น้ําโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคํา มาถึงพื้นที่ด้าน จ.เลย จ.หนองคาย ก่อนลําเลียงเข้าพื้นที่ตอนใน ให้เครือข่ายเก็บพักและจําหน่ายให้กับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง ปฏิบัติการครั้งนี้นับเป็นอีกแนวทางการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 4 ประเทศ คือ ไทย จีน พม่า ลาว ซึ่งนอกเหนือจากความร่วมมือปฏิบัติงานร่วมกันทั้ง 4 ประเทศแล้ว แต่ละประเทศก็ได้กำหนดพื้นที่ปฏิบัติงานของตนเองด้วย
สำหรับ เครือข่ายการค้ายาเสพติดนายภาวี ป.ป.ส.ได้ร่วมกับ สภ.สําโรงเหนือ สืบสวน ติดตามพฤติการณ์มาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งพบว่าเป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติดที่สามารถจัดหายาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ไทย-พม่า และพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ได้คราวละจํานวนมาก การลักลอบลําเลียงจะใช้เส้นทางตามแม่น้ําโขงบริเวณ สามเหลี่ยมทองคําทอดยาวตลอดมาถึงพื้นที่ด้าน จ.เลย จ.หนองคาย เป็นจุดลักลอบนําเข้ายาเสพติด ลําเลียงเข้าพื้นที่ตอนใน ให้เครือข่ายเก็บพักและจําหน่ายให้กับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพ สมุทรปราการ นนทบุรี ซึ่งทาง เจ้าหน้าที่ได้เคยจับกุมเครือข่ายนายภาวี ไปแล้วหลายรายและมีการยึดทรัพย์สินไปเป็นจํานวนมาก แต่เนื่องจาก นายภาวี ยังไม่ถูกจับกุมจึงยังสามารถจัดหายาเสพติดเข้ามาจําหน่ายอย่างต่อเนื่อง จน สภ.สําโรงเหนือ จ. สมุทรปราการ ได้จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายที่เป็นลูกค้ายาเสพติดของนายภาวี และสามารถขยายผลจนสามารถ ออกหมายจับกุมนายภาวี นายมนตรี และนายนิกร ได้ในที่สุด และได้ทําการขยายผลยึดทรัพย์สิน เช่น เงินในบัญชีธนาคารประมาณ 25 ล้านบาท รถยนต์รวม 9 รายการ เป็นรถยนต์ 6 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน ที่ดินพร้อมบ้านพักอาศัย รวม 8 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 10 ไร่ รวมทรัพย์สินทั้งสิ้นมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท
ส่วนการจับกุมนายกฤษณันท์ ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาล จังหวัดสงขลาตั้งแต่ปี2549 และเคยเป็นนักค้ายาเสพติดที่สํานักงานป.ป.ส.และตํารวจภูธรภาค9 ต้องการตัวมากที่สุด หลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี แต่ยังมีพฤติการณ์จัดหายาเสพติดจากด้านพื้นที่ จ.เชียงราย และพื้นที่ภาคกลาง ให้เครือข่าย ลําเลียงไปจําหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้สืบสวนพบว่าหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน ต. บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และเฝ้าติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยได้ขยายผลตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง รวม4 จุดในพื้นที่ จ.นนทบุรีและ จ.สงขลาผลการปฏิบัติสามารถยึด/อายัดทรัพย์สินได้แก่บ้านพักอาศัยที่ จ.นนทบุรี อพาตเมนท์ รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ ของนายกฤษณันท์ มณีโรจน์ ในพื้นที่ จ.สงขลา มูลค่ารวมประมาณ 15 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งสองคดี สิ้นมูลค่ารวมประมาณ 70 ล้านบาท
CR: ปปส.