กรมควบคุมโรค เตรียมแผนปีหน้า หาวัคซีนต้านเชื้อกลายพันธุ์ รอลงนามกับ เจแอนด์เจ และสปุตนิก

19 กรกฎาคม 2564, 15:25น.


          นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ชี้แจงแผนการจัดหาวัคซีนในปีหน้าว่าอยู่ระหว่างการศึกษาดูว่าจะมีวัคซีนแหล่งผลิตใดบ้างที่สามารถสู้กับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ได้ มีการติดตามทาบทามบริษัทชั้นนำ 3-4 บริษัทแล้ว



         ส่วนไตรมาสที่ 4  ปีนี้ วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ จะเข้ามาเป็นวัคซีนหลักอีก 20,000,000 โดส แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเดินทางเข้ามาในเดือนไหน กรณีที่ระบุว่า วัคซีนตัวนี้ที่เพิ่มเข้ามาให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ  7 กลุ่มโรคเสี่ยงและหญิงตั้งครรภ์ นพ.ทวีทรัพย์ ชี้แจงว่า วัคซีนของซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และ ไฟเซอร์ มีความปลอดภัย แต่ในเชิงประสิทธิผล ฉีดตัวไหนก่อนได้ให้ฉีดเลยไม่ต้องรอ



         เมื่อนำเข้ามาแล้วจะจัดสรรให้กับกลุ่มไหน ก็ต้องพิจารณาในช่วงนั้นด้วย ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และ สถานการณ์ ทั้งประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนกลุ่มอื่นๆที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ



         แนวทางการเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ นพ.ทวีทรัพย์ เปิดเผยว่า มีการเจรจาแล้วสองบริษัทแต่ยังไม่ได้จอง คือ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เนื่องจาก เลื่อนการลงนาม จากปัญหาโรงงานแหล่งผลิตที่ต่างประเทศ และวัคซีนสปุตนิก ของรัสเซีย รอให้มาขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนถึงจะดำเนินการต่อ



         การฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน การศึกษาพบว่า เมื่อฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกแล้ว และฉีดเข็มที่สองเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ห่างจากเข็มแรกประมาณ 3-4  สัปดาห์ จะมีประสิทธิผลดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้บังคับ แต่เป็นการเพิ่มช่องทางเลือกและทางเลือกในการฉีดวัคซีนได้มาก แนวทางทางวิชาการ สามารถปรับฉีดได้ทั้งสองรูปแบบ ปรับให้กับทุกช่วงอายุ ไม่มีผลเสีย



สรุปผลการฉีดวัคซีน



1.การฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2เข็ม มีประสิทธิผลในสนามจริงป้องกันการติดเชื้อร้อยละ 90 จากการศึกษาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่จ. ภูเก็ต และ จ.สมุทรสาคร และร้อยละ 74-89 ในการศึกษาบุคลากรสาธารณสุขที่จ.เชียงราย และฐานข้อมูลทั้งประเทศ



2.การฉีดวัคซีน โคโรนาแวค ครบ 2 เข็มมีประสิทธิผลในการป้องกันป่วยรุนแรง (ปอดอักเสบ) ร้อยละ 85 จากการศึกษาที่จ.เชียงราย



3.การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็มเกิน 14วัน จากการศึกษาที่เชียงราย พบประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 84 และไม่พบปอดอักเสบจาก 5 คน ที่ติดเชื้อในจำนวน 50 คน ที่ได้รับวัคซีน



4.ยังไม่พบว่าประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนลดลงในเดือนมิ.ย.64 ที่เริ่มมีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพ.ค.64 จากการศึกษาในฐานข้อมูล กรมควบคุมโรค



แฟ้มภาพ 

ข่าวทั้งหมด

X