ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 08.30น.วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564

19 กรกฎาคม 2564, 07:11น.


ห้ามสายการบิน รับส่งผู้โดยสารพื้นที่สีแดงเข้มตั้งแต่ 21 ก.ค.



          นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ลงนามในประกาศเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ฉบับที่ 3) สาระสำคัญในประกาศดังกล่าวคือ ห้ามบินรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือพื้นที่สีแดงเข้ม อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 64 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด หรือมีประกาศอื่นต่อไป



         ยกเว้นเป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) หรือ เป็นอากาศยานฉุกเฉิน หรือ มีความจำเป็น และได้รับอนุญาตจาก กพท.ซึ่งจะต้องแสดงหลักฐานเพื่อแสดงความจำเป็นนั้นเพื่อประกอบการขออนุญาต



         กรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน ให้มีการแจ้งผู้โดยสารอย่างเหมาะสม ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางบินประจำภายในประเทศ พ.ศ.2553



         กรณีผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ยังคงมีการให้บริการอยู่ในช่วงเวลานี้ การรับส่งผู้โดยสาร ให้มีผู้โดยสารได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของอากาศยานนั้นๆ ต้องมีการเว้นระยะห่าง หากผู้โดยสารมาด้วยกันให้นั่งติดกันได้ นอกจากนี้ จะต้องมีการตรวจคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด เช่น ต้องสวมหน้ากากอนามัย มีการวัดอุณหภูมิร่างกายไม่สูงเกิน 37.3 องศาเซลเซียส



หาวัคซีนเพิ่ม! อย.เตรียมหารือ 6 บริษัทวัคซีนที่อย.ขึ้นทะเบียน



         นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เปิดเผยว่า ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้นัดหมายกับผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทุกรายที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.มาประชุมหารือร่วมกันในเรื่องการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมในวันที่ 20 ก.ค. 64 ที่ห้องประชุมอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข



1.วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า นำเข้าโดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศ โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด



2.วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ไซเอ็นซ์ จำกัด นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.)



3.วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน นำเข้าโดย บริษัท แจนเซ่น ซีแลค จำกัด



4.วัคซีนโมเดอร์นา นำเข้าโดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด



5.วัคซีนของซิโนฟาร์ม นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด



6.วัคซีนโคเมอร์เนตี ซึ่งเป็นวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด นำเข้าโดย บริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย จำกัด



วันนี้ เริ่มแล้วฉีดวัคซีนไขว้ยี่ห้อ ย้ำประเมินผลอย่างเป็นระบบ



          วันนี้เป็นวันแรกที่ เปลี่ยนแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้รับบริการที่ลงทะเบียนไว้กับหน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์ ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวคไปแล้ว เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.64 ผู้รับบริการกลุ่มนี้จะได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า เป็นแนวทางสำหรับหน่วยบริการต่างๆ รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลการให้วัคซีนแบบสลับชนิดอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ของโรคโควิด-19 และเพื่อให้การรับวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้สูงสุด และให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่เร็วที่สุด สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้กับหน่วยงานต่างๆ นอกสังกัดกรมการแพทย์ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อสอบถามรายละเอียดการรับวัคซีนต่อไป



ขอให้ร่วมมือกัน! หาก 2 เดือน ยอดติดเชื้อไม่ลด ใช้อู่ฮั่นโมเดล



           นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยอมรับว่า มาตรการในขณะนี้เป็นแค่การชะลอไม่ให้ตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น การที่ต้องเพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้น เพราะจากการคาดการณ์อีก 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่ลดลง แต่หากร่วมมือกันสถานการณ์จะดีขึ้น แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 2 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง คงต้องเพิ่มมาตรการสูงสุด ที่เราต้องการ คือ ทุกคนอยู่บ้าน ไม่ต้องทำอะไร ล็อกดาวน์เมืองเหมือนกับอู่ฮั่นโมเดลของจีน คืออยู่บ้านแล้ว มีคนส่งข้าวส่งน้ำให้กิน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามดูตัวเลขผู้ติดเชื้อด้วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เกินกว่าระบบสาธารณสุขรองรับได้หรือไม่ด้วย แต่ไม่ได้ใช้ทั้งประเทศ ใช้เฉพาะพื้นที่สำคัญที่ยังมีแพร่ระบาดสูงอยู่ แต่ไม่อยากให้ถึงตรงนั้น



          วิธีป้องกันที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือ การลดกิจกรรมไม่ให้คนใกล้ชิดกัน และพากลุ่มเสี่ยงทั้งผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังไปฉีดวัคซีน รวมถึงจะมีการคัดกรองผู้ป่วยเชิงรุก เพื่อแยกตัวออกไปรักษาต่อไป



          ในช่วงไตรมาส 3 ยังคงเน้นย้ำไปที่มาตรการทางสังคมมากกว่า ส่วนวัคซีนจะเริ่มเห็นผลช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ซึ่งช่วงนั้นเชื่อว่าเราจะได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้นด้วย และคาดว่าสถานการณ์โควิด-19 จะจบ เมื่อเราฉีดวัคซีนได้มากพอ ดังนั้นช่วง 1-2 เดือนนี้ เป็นช่วงที่ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ในการปฏิบัติตามมาตรการทางสังคมอย่างเคร่งครัด



          ด้านนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า



- ผู้ป่วยสีเขียว กับ สีเขียวอ่อน ร้อยละ 77-78 รักษาตัวอยู่ที่บ้านHome Isolation และ Community Isolation



-ตัวเลขผู้เสียชีวิตแนวโน้มเพิ่มขึ้น



          การกักตัวอยู่ที่บ้าน Home Isolation เป็นมาตรการที่สำคัญมาก โดยจะเน้นไปที่กลุ่มที่อยู่ระหว่างรอแอดมิดที่โรงพยาบาล , กลุ่มที่แพทย์พิจารณาว่ารักษาที่บ้านได้ รวมถึงกลุ่มที่รักษาที่โรงพยาบาลไปแล้ว 7-10 วัน และแพทย์เห็นว่าอาการไม่หนัก ก็สามารถส่งตัวกลับไปรักษาที่บ้านได้          



         อธิบดีกรมการแพทย์ ยอมรับว่า บุคลากรในโรงพยาบาลหลัก โรงเรียนแพทย์ ค่อนข้างตึง จึงขอให้ชุมชนเข้ามามีสวนร่วม ไตรมาส 4 สถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น ช่วงนี้ ต้องประคองสถานการณ์ไว้ไม่ให้พุ่งขึ้น ช่วง 1-2 เดือนนี้วิกฤตที่สุดที่ต้องขอความร่วมมือ



CR:กรมการแพทย์



 

ข่าวทั้งหมด

X