ในการประชุมด่วนของศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (17 ก.ค.) มีการพิจารณาให้เพิ่มมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 โดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เข้าร่วมการประชุมได้เสนอแนะให้ออกมาตรการลดการเคลื่อนที่เดินทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งหมด ยกเว้นการขนส่งสินค้า อาหาร ยา วัคซีน สื่อสารและสาธารณูปโภค รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัด กับให้เพิ่มการเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน
นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้รัง มีทีมเคลื่อนที่เร็วแบบเบ็ดเสร็จ (Covid-19 Comprehensive Response Team: CCRT) มาตรการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) มาตรการแยกกักในชุมชน (Community Isolation) และบริหารจัดการโรงพยาบาล เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสามารถดูแลรักษาได้อย่างครอบคลุมทั้งผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยงให้มากที่สุด
ส่วนสถานประกอบการ โรงงาน จะให้ใช้วิธีการตรวจด้วยแอนติเจน เทสต์ คิต (Antigen test kit: ATK) และใช้มาตรการบับเบิล แอนด์ ซีล (Bubble and seal) เพื่อควบคุมโรค
และแนะนำเรื่องการสื่อสาร การสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อให้ทราบสถานการณ์และมาตรการที่จะดำเนินการ รวมทั้งลดความตระหนก เพื่อให้เกิดความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งข้อเสนอแนะทั้งหมดนี้จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.ศบค. และประธานการประชุมในเร็วๆ นี้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์ในขณะนี้ หากไม่มีมาตรการเพิ่มเติมจะทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมากไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน ทำให้ต้องมีการยกระดับมาตรการเพื่อควบคุมโรค โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทาง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของโรค และกล่าวด้วยว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการติดเชื้อในระลอกนี้มีความแตกต่างจากก่อนหน้า เพราะพบการแพร่เชื้อจากคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน ติดไปถึงผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ จนทำให้มีอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และจนถึงวันนี้ยังพบการลักลอบเล่นการพนัน รวมกลุ่มเพื่อน จัดปาร์ตี้ในบ้านและนอกบ้าน เป็นความเสี่ยงที่ทำให้การแพร่ระบาดของโรคไม่ลดลง จึงขอความร่วมมืองดออกจากบ้าน ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาแม้แต่เมื่ออยู่บ้าน ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่จับร่วมกันบ่อยๆ
...