การกระจายวัคซีนโมเดอร์นา ของสภากาชาดไทย นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย แถลงชี้แจง กรณีการได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ยี่ห้อโมเดอร์นา ชนิด mRNA และแผนการกระจายวัคซีนให้ประชาชน ว่า สภากาชาดไทยได้รับการประสานจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่า ได้สำรองวัคซีนโมเดอร์นา 1 ล้านโดส ให้แก่สภากาชาดไทย ซึ่งต่อมา สภากาชาดไทยได้มีหนังสือยืนยันการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาภายใต้เงื่อนไขที่ อภ.กำหนดคาดว่า สภากาชาดไทยจะได้รับวัคซีนโมเดอร์นา ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 และต้นปี 2565 โดยสภากาชาดไทยมีแผนการที่จะนำวัคซีนโมเดอร์นาไปฉีดให้แก่ประชาชนในกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ 2.กลุ่มประชาชนผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง 3.สตรีมีครรภ์ และ 4.ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19
โดยส่วนหนึ่งสภากาชาดไทยจะเป็นผู้ดำเนินการฉีดเอง อีกส่วนหนึ่งส่งต่อให้โรงพยาบาลภาครัฐที่ต้องการฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ และที่เหลือส่งต่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งจะต้องดำเนินการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่สภากาชาดไทยกำหนด รวมทั้ง ต้องจัดทำแผนการฉีดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ลงนามรับรองมายังสภากาชาดไทย จึงจะจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นาให้
สำหรับหน่วยงานที่รับวัคซีนโมเดอร์นาตามที่สภากาชาดไทยจัดสรร ต้องนำวัคซีนไปฉีดโดยไม่คิดมูลค่า และห้ามจำหน่ายต่อ และขอเชิญชวนบริจาคให้แก่ “กองทุนกาชาด เพื่อการจัดซื้อวัคซีน และยาโควิด-19 สำหรับประชาชน”
นอกจากนี้ นายเตช กล่าวว่า สภากาชาดฯ ไม่ได้เป็นรัฐ เป็นเพียงองค์การกุศลหนึ่งที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน เท่าที่มีขีดความสามารถ และงบประมาณก็มีจำกัด จะต้องพยายามหางบประมาณมาช่วยเท่าที่จะทำได้
ส่วนการประสานงานของสภากาชาดฯ เริ่มต้นก่อนที่จะมีวิกฤตระลอกที่ 3 สภากาชาดฯ ได้รับมอบหมายให้หาวัคซีนทางเลือก ซึ่งมีหลายสาย ปรากฎว่า ทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะดำเนินการเจรจากับรัฐบาล หรือองค์การที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลเท่านั้น และต้องเป็นองค์การเดียว ซึ่งบริษัทที่ก้าวหน้าที่สุดขณะนั้น คือ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา ที่เป็นตัวแทนในประเทศไทยของบริษัท โมเดอร์นา
“การเจรจาวัคซีนที่ต้องผ่านองค์การของรัฐเท่านั้น เพราะมีนัยยะทางกฎหมายว่าใครจะรับผิดชอบ เพราะยังเป็นบัญชียาในภาวะฉุกเฉิน หากมีการล้มป่วย ไม่สบายขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบทางกฎหมาย เขาจึงให้องค์การเภสัชกรรมดำเนินการสั่งเข้ามา แต่ที่จริงแล้ว สายหนึ่งที่ของสภากาชาดฯ ก็ได้ติดต่อและจองกับบริษัท ซิลลิคฯ มาตั้งแต่ต้น แม้ว่าตอนนั้นโมเดอร์นายังไม่ได้รับทะเบียนจาก อย.ไทย แต่ก็ขอจองไว้ประมาณ 1 ล้านโดส ซึ่ง อภ.ก็รับทราบว่าเราเจรจาไว้ก่อนแล้ว และเมื่อ อภ.สามารถเจรจากับบริษัท ซิลลิค ได้ 5 ล้านโดส อภ. ก็เลยกัน 1 ล้านโดส ให้สภากาชาดไทย เราไม่ได้ไปแย่งจากใครมาทั้งสิ้น”
สภากาชาดฯ ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้บริจาคมาที่กองทุนกาชาด เพื่อการจัดซื้อวัคซีน และยาโควิด-19 สำหรับประชาชน เชิญชวนให้บริจาคก่อน โดยจะมีกฎเกณฑ์ว่าจะนำไปฉีดให้ใคร และต้องฉีดโดยไม่คิดเงิน “เราไม่ได้มีการกำหนดราคาที่แน่นอน เคยดูไว้ที่ 1,200 บาทต่อโดส หรือ 1,100 บาท ซึ่งยังไม่แน่นอน แต่คาดว่า 1-2 สัปดาห์นี้จะทราบตัวเลขที่แน่นอน”