ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม 2564

15 กรกฎาคม 2564, 07:20น.


วันนี้ ประชุมนพ.สธ.ทั่วประเทศ ชี้แจงมติฉีดวัคซีนสลับชนิด



          ความสับสนเรื่องการฉีดวัคซีนต่างชนิด แบบไหนจะปลอดภัยกว่ากัน ขณะที่ บางจังหวัดเริ่มเดินหน้าฉีดวัคซีนสลับสูตรกันแล้ว ขณะเดียวกัน บางจังหวัดก็ชะลอการฉีดวัคซีนเข็มสอง รอความชัดเจน



          นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้จะมีการประชุมผู้บริหารกระทรวงและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อแจ้งพื้นที่ให้รับทราบมติและแนวปฏิบัติ ขณะนี้ ยืนยันว่า ทุกอย่างยังยึดตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่ให้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก จากนั้น 3 สัปดาห์ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แต่การฉีดวัคซีนสูตรใหม่ มีรายละเอียดอื่นๆอีก เช่น จะฉีดให้กับประชาชนอายุเท่าไรจะเหมาะสม กระทรวงกำลังจัดทำรายละเอียดอยู่



          ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  เปิดเผยว่า วัคซีนเข็มเดียวแต่ละยี่ห้อก็มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว เมื่อมาใช้ร่วมกันจะได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก และมีความสามารถเฉพาะเจาะจงกับสายพันธุ์ที่ต่างจากเดิมออกไป เช่น สายพันธุ์เดลตา กรณีที่ประเทศจีนที่ได้ผลนั้นแม้จะยืนพื้นด้วยวัคซีนซิโนแวค เป็นเพราะจีนมีการคัดกรองและแยกตัวอย่างดีเยี่ยมและเข้าถึงประชาชนทุกคนพร้อมกันนั้นคือ การทำตามวินัยสูงสุด



พณ. รอข้อมูลรายละเอียดชุดตรวจโควิด ATK จึงจะกำหนดควบคุมราคาขายได้



          การควบคุมราคาชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเอง  Antigen Test Kit (ATK)  รายงานระบุว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข ให้เกิดความชัดเจนและดูว่าจะดูแลอย่างไร หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลเรื่องราคาไม่ให้แพงเกินไป 



         เรื่องชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ต้องรอความชัดเจนในหลายด้าน



-กระทรวงสาธารณสุข ต้องขึ้นทะเบียนบริษัทผู้ผลิตหรือนำเข้า หรือ ผู้แทนจำหน่าย รวมถึงคัดเลือกประเภทของชุดตรวจโควิด-19 ว่าไทยอนุญาตให้ใช้แบบใด บริษัทใดได้รับอนุญาต ตอนนี้ถือว่ายังไม่มีการจำหน่ายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป ดังนั้นจะมีการกำหนดราคา หรือ เอาผิดว่ามีการขายเกินราคาหรือกักตุนไม่ได้ เพราะตอนนี้ถือเป็นสินค้าที่ได้รับอนุญาตใช้ทางการแพทย์เท่านั้น



-เมื่อกระทรวงสาธารณสุข ส่งเรื่องให้คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.)ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทั้งเรื่องโครงสร้างต้นทุนและปัจจัยแวดล้อม จึงจะกำหนดได้ว่าจะต้องมีการคุมราคาขายเท่าไหร่ และสามารถใช้มาตรการเอาผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้



-ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังไม่ได้ส่งเรื่องหรือประสานให้เปิดการประชุมกกร.



พบผลบวกมากกว่า 10 % ! ทีมแพทย์ชนบท ตรวจ Swab ชุมชนรอบนอกกทม.พบส่วนใหญ่ติดในครัวเรือน



          ภารกิจวันแรกของทีมแพทย์ชนบท ที่ลงพื้นที่ปฏิบัติการคัดกรองเชิงรุกในเขตพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานคร สามารถคัดกรองประชาชนได้ประมาณ 5,000 คน ผลการตรวจในบางพื้นที่พบอัตราผลบวกมากกว่าร้อยละ10



          การทำงานจัดกำลังแยกเป็น 6 ทีม มีการผสมผสานการทำงานระหว่างทีมที่มาจากโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ กับอาสาสมัคร แกนนำชุมชนในพื้นที่



-จากการตรวจเมื่อผลการตรวจด้วย Rapid Test Antigen ให้ผลบวก จะต้องนำทุกคนในครอบครัวมาตรวจด้วยการเก็บ Swab เพื่อตรวจยืนยันด้วยวิธี RT- PCR ในทันที จากนั้นคัดแยกระดับความเสี่ยง เพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัวที่บ้าน หรือ กักตัวอยู่ในพื้นที่ชุมชน ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคล หากรายใดมีความเสี่ยงสูงก็จะประสานแนวทางการติดต่อขอเข้ารักษาในโรงพยาบาล และจะจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ให้ไปรับประทานกันด้วย มีช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างแกนนำชุมชนกับผู้ป่วย และทีมแพทย์ ทีมพยาบาลปฐมภูมิ



          การลงพื้นที่ในเขตคลองสามวา เช่นที่ ชุมชนแผ่นดินทอง​แบนชะโด​ ชุมชนศรีบูรพาบ้านแบนชะโด​ ชุมชนทุ่งรวงทองแบนชะโด​ เป็นต้น มีการตรวจโควิด-19 แบบ Rapid Test​ 1,016 คน​ กว่าจะเสร็จประมาณ 19.00 น. พบผลบวกจำนวน​ 101 คน​ หรือ ร้อยละ ​10 ทุกรายที่บวกจะได้ตรวจซ้ำแบบมาตรฐาน RT-PCR​ ​ ทีมแพทย์ชนบทจะนำผลบวกหรือลบส่งทะเบียนส่งกลับไปให้ผู้นำชุมชนเพื่อวิเคราะห์และควบคุมโรคต่อไป



         หนึ่งในทีมที่ลงพื้นที่ ระบุว่า พบผลบวกมากกว่าที่คิดมาก​ ส่วนใหญ่ติดในครัวเรือน​ มีคุณยาย96ปี ติดเตียงผลบวก 1 คน​ ญาติพามาตรวจกับรถแท็กซี่​ และจะมีการประสานเตียงให้คุณยายต่อไป



         ส่วนการทำงานร่วมกับชุมชน พบว่า ร่วมมือดีมาก​ ช่วยลงทะเบียน​ เรียกคน​ จัดคิว​ คนกรุงเทพทุกข์หนักกว่าคนต่างจังหวัดมากๆ​ เขาบอกว่าแทบจะหาที่ตรวจโควิด-19 แทบไม่ได้เลย




กทม.เปิดแล้ว! 14 ศูนย์พักคอย ส่งต่อผู้ป่วยโควิด เล็งขยายเพิ่มทั่วกรุง



         กรุงเทพมหานคร จึงได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต จำนวน 14 ศูนย์ สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 2,176 เตียง โดยแยกผู้ป่วยออกมาจากบ้าน นำมาพักคอยที่ศูนย์ มีการคัดกรองอาการและดูแลในเบื้องต้นเพื่อรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล ลดปัญหาการแพร่ระบาดและติดเชื้อในครอบครัวและชุมชน 



         หลังจากนี้จะขยายเพิ่มเติมให้ครบ 23 แห่ง เพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 3,103 คน 




1.กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ



-เขตบางเขน ใช้พื้นที่ศูนย์กีฬารามอินทรา รองรับได้ 150 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ 



-เขตจตุจักร ใช้พื้นที่ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ รองรับได้ 180 เตียง และศูนย์สร้างสุขทุกวัยจตุจักร รองรับได้ 120 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลกลาง 



-เขตดอนเมือง ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยดอนเมือง รองรับได้ 150 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลกลาง 



-เขตหลักสี่ ใช้พื้นที่โรงเรียนการไปรษณีย์ รองรับได้ 120 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลกลาง



-เขตลาดพร้าว ใช้พื้นที่สำนักงานสนับสนุนและส่งเสริมวิชาการ 2 ซ.ประดิษฐ์มนูธรรม 19 รองรับได้ 100 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลกลาง ทั้ง 2 ศูนย์อยู่ระหว่างดำเนินการ 



2.กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 



-เขตพระนคร ใช้พื้นที่อาคารปฏิบัติธรรม วัดอินทรวิหาร รองรับได้ 200 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 



-เขตดินแดง ใช้พื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนฯ ไทย-ญี่ปุ่น รองรับได้ 150 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 



-เขตห้วยขวาง ใช้พื้นที่อาคารทางเข้า RCA ฝั่ง TOP รองรับได้ 145 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ทั้ง 2 ศูนย์อยู่ระหว่างดำเนินการ 



3.กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ 



-เขตคลองเตย ใช้พื้นที่วัดสะพาน รองรับได้ 250 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลสิรินธร 



-เขตสวนหลวง ใช้พื้นที่วัดปากบ่อ รองรับได้ 140 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลสิรินธร 



4.กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก 



-เขตหนองจอก ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยหนองจอก รองรับได้ 100 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลเวชการุณรัศมิ์ 



-เขตลาดกระบัง ใช้พื้นที่ร้านอาหารจงกั๋วเหยียน รองรับได้ 250 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร 



-เขตสะพานสูง ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยสะพานสูง รองรับได้ 146 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลคลองสามวา 



-เขตบางกะปิ ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกะปิ รองรับได้ 150 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลบางนา อยู่ระหว่างดำเนินการ 



-เขตคันนายาว ใช้พื้นที่อาคารฝั่งตรงข้ามสยามอะเมซิ่งพาร์ค สวนสยาม อยู่ระหว่างสำรวจ 



5.กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 



-เขตบางกอกน้อย ใช้พื้นที่วัดศรีสุดารามวรวิหาร รองรับได้ 90 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 



-เขตคลองสาน ใช้พื้นที่อาคารกิจไพบูลย์ อิมพอร์ต รองรับได้ 130 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลตากสิน 



-เขตทวีวัฒนา ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทวีวัฒนา รองรับได้ 110 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลตากสิน



-เขตธนบุรี ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา อาคารพระยาสีหราชเดโชทัย รองรับได้ 100 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลตากสิน ทั้ง 2 ศูนย์อยู่ระหว่างดำเนินการ 



6.กลุ่มเขตกรุงธนใต้ 



-เขตบางแค ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) รองรับได้ 150 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ 



-เขตบางขุนเทียน ใช้พื้นที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางขุนเทียน รองรับได้ 120 เตียง อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน



CR:กรุงเทพมหานคร

ข่าวทั้งหมด

X