สหภาพยุโรปพิจารณาการใช้วัคซีนโควิดแบบผสมเพื่อเพิ่มการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

          สำนักงานยาแห่งยุโรปหรืออีเอ็มเอ ยังไม่แนะนำการใช้วัคซีนโควิด-19 แบบผสมผสาน รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ยอมรับว่ากำลังมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้วัคซีนโดสที่ 2 แตกต่างจากโดสแรก และยืนยันว่า วัคซีนชนิด 2 โดสคือไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และโมเดอร์นา มีความจำเป็นต่อการป้องกันสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

          ในความพยายามจัดการกับการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและปัญหาขาดแคลนวัคซีน หลายประเทศมีการทดสอบว่าการให้วัคซีนโดสที่ 2 ที่มีความแตกต่างจากครั้งแรกจะสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้หรือไม่ และยังเป็นการเชื่อมช่องว่างระหว่างที่รอความพร้อมของวัคซีน ซึ่งอีเอ็มเอ แนะนำให้ประเทศต่างๆ มีการพิจารณาอย่างรอบคอบในการปรับกลยุทธ์ โดยอ้างอิงจากสถานการณ์ทางระบาดวิทยา การหมุนเวียนของโควิดสายพันธุ์ต่างๆ และหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนต่อโควิดสายพันธุ์ใหม่

          มีผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเมื่อเดือนที่แล้ว (มิ.ย.) ที่พบว่า การฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ในช่วงเวลา 4 สัปดาห์หลังจากการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าจะสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าการให้แอสตร้าเซนเนก้าทั้ง 2 โดส ขณะที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป หรือ อีซีดีซี คาดว่าสายพันธุ์เดลตาจะมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 ของสายพันธุ์ที่หมุนเวียนในสหภาพยุโรปภายในสิ้นเดือนสิงหาคม โดยโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดีย กำลังทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก และองค์การอนามัยโลกเตือนว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์โดดเด่นทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

...